วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552

หยุดชั่วคราวค่ะ

ช่วงนี้หยุดชั่วคราวค่ะ


ขออ่านหนังสือ เตรียมสอบหน่อย


ความจริงอยากเขียนอะไรอีกมากค่ะ


แต่ต้องยั่งใจไว้ก่อน เด่วจะกลับมาเขียนใหม่


แน่นอน ค้า ........


วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2552

แค่อยากรู้ เธอยังไม่ลืมฉัน

Piglet sidled up to Pooh from behind

"Pooh" he whispered

yes! piglet ?

"Nothing " said Piglet taking Pooh's paw

I just wantd to be sure of you

พิกเล็ตเดินตามพูห์ไปต้อยๆ และคงไม่ได้คุยอะไรด้วยเลย
พิกเล็ตเลยต้องขอเสียงด้วยการเรียกชื่อพูห์ พูห์ ขานรับและถามกลับว่า
มีอะไรหรือพิกเล็ต พิกเล้ตเกาะมือพุห์ไว้ก่อนตอบว่า
เปล่า ไม่มีอะไร แค่อยากมั่นใจว่าเราเดินมาด้วยกันเท่าันั้นเอง

ไม่อยากให้เธอเดินข้างหน้าเพราะเกรงว่าจะลืมฉัน
ไม่อยากตามหลังเช่นกัน กลัวไม่ทันกลัวเธอทำฉันหล่นหาย
อยากให้เราเดินเคียงกันไป อยากอุ่นใจและมั่นใจ
ว่าตลอดการเดินทางชีวิตอันยาวไกล เรายังมีกันและกันไปตลอดกาล

ไม่รู้จะชื่ออะไร



หลายวันที่ผ่านมานี้ เพื่อนเราคนนึงมักจะโทรมาหาเราบ่อยๆ พร้อมพรรณาถึงความรักที่คุดของตัวเอง
เราก็ได้แต่ฟัง และปลอบพร้อมด่า นานๆเข้าก็เปลี่ยนเป็นด่า แทนที่จะปลอบ คิดว่าถ้าเขาเข้ามาอ่านบล็อกเรา
ก็ขอมอบข้อความนี้ให้ก้แล้วกัน เพราะเราก็เคยเป็นแบบนั้นมาก่อนเหมือนกัน

เธอตายจากใจฉันไปแล้ว เธอตายได้เจ๋งมาก
ฉันนึกว่าเธอตายไปแล้วจริงๆ
ถ้าคิดจะเอาหัวใจ สมอง ความชิงชัง ไปทุ่มให้ใคร เราจะเหนื่อยเปล่า
ปล่อยให้เขาตายไปจากเราดีกว่า ยอมให้เขาตายจากเราไปดีกว่า เมื่อเราไม่ให้ค่า
เขาก็จะไไม่มีค่า มันขึ้นอยู่ที่หัวใจเรา..... เท่านั้น

ความจริงเวลาที่เราผิดหวังจากใครสักคน เวลาและใจเราเองเท่านั้นที่ช่วยเราได้
ลืมได้หรือลืมไม่ได้ มันอยู่ที่ใจเราเอง ถ้ายิ่งคิดมันก็ลืมไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้นเหตุของปัญหาทุกอย่างมันอยู่ที่ใจเราเอง

การลืมใครสักคนมันไม่ได้ง่ายหรอก แต่สำหรับเราถ้าผิดหวังเสียใจไม่ถึงสัปดาห์ เป็นเพราะเรามักจะเผื่อใจ
สำหรับเรื่องนั้นๆไว้เสมอ ไม่เคยคิด ไม่เคยฝันเกินร้อย หรือเกินความจริง เพราะฉะนั้นเสียใจไม่เคยนาน
ถึงแม้เรื่องนั้นมันจะมีค่าสำหรับเรามากมายแค่ไหนก็ตาม รับรองว่า ลืมได้แน่นอน และอย่าไปกวนตะกอนให้มันขุ่นขึ้นมาอีก

การเผื่อใจไว้มันทำให้เราไม่เจ็บมากนักเมื่อเราผิดหวัง ทุกวันนี้ก้ยังเผื่อใจในทุกๆเรื่อง
เพราะไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้อะไรมันจะเกิด คนเจอหน้ากันดีๆพรุ่งนี้ต้องจาก รักกันดีๆพรุ่งนี้ต้องเลิก
วางแผนไว้เกิดยกเลิกกระทันหัน เห็นม่ะทุกอย่างไม่แน่นอน

สุดท้ายจะจบด้วยข้อความนี้ที่เราเตือนใจประจำ

เราคือคนสำคัญเหลือเกินของครอบครัว แต่ต้องไปเป็นคนที่ไม่ค่อยมีคุณค่า
ของใครก็ไม่รุ้ ที่เราเชื่อตลอดมาว่า เค้าสำคัญ เพื่ออะไร

สุดท้ายรักตัวเองและมารักเราดีกว่าเนอะ เพื่อนเนอะ

ปากกา



ช่วยนับหน่อยสิ ว่าปากกามีกี่ด้าม

แล้วรู้ไหมมันเกี่ยวข้องยังไงกับเรา

.

.

.

.

มันก็คือ ปากกาทั้งหมดที่เราใช้ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งถึงปีสี่

เราเก็บไว้ทุกด้าม เพราะด้ามนึงหลายบาท แถมยังสวยๆทั้งนั้น

เราชอบใช้ปากกายี่ห้อนี่ คือ Beshall เส้นผ่านศุนย์กลางประมาณ 0.38 ซึ่งเราชอบปากกาหัวเล็กๆ

ปากกาหัวใหญ่ๆทำให้เราเขียนไม่สวย และไอ้เจ้า Beshall มันหาซื้อยากอ่ะ ตอนเรียนเราต้องนั่งรถไปซื้อ

คาร์ฟูถึงจะมี ถ้าเป็นร้านเครื่องเขียนอื่นเนี่ยน่ะ ก็มีแต่ลายซ้ำๆ เราเลยต้องไปเลือกที่คาร์ฟูนี่แหละ

ถ้าเห็นว่าน้อยอ่ะน่ะ ที่จริงปากกาที่เราวางมันซ้อนกันสามชั้นน่ะ ตรงกลางน่ะ แต่พอถ่ายมาเห็นว่าน้อย

ตอนนี้ก็นังใช้อยู่ เวลาเจอก็จะซื้อเก็บเผื่อไว้ กลัวว่าไม่มีจะใช้

Truly Madly Deeply

เป็นเพลงนึงที่เคยฟังตั้งแต่ยังแปลไม่ออกว่าเพลงนี้หมายความอย่างไร แต่ฟังๆแล้วรู้สึกว่า เพลงนี้ความหมายต้องโรแมนติกแน่เลย

แต่พอเริ่มแปลเนื้อเพลงออก จึงรู้ว่าเพลงนี้ความหมายโรแมนติกจริงด้วย ก็ประมาณว่า ฉันน่ะรักเธออย่างจริงใจ คลั่งไคล้ และลึกล้ำ โดยเฉพาะท่อนที่ว่า I love you more with every breath truly madly deeply do หว๊าน หวาน

เพลงนี้เป็นของ Savage Garden เจ้าพ่อเพลงแนวนี้เลย ประมาณว่าเพลงพวกเค้าเนี่ย โรแมนติกมาก
อีกหลายๆเพลงก็เหมือนกัน แนวเดียวกันเลย ทั้งเสียงคนร้องและดนตรี เคลิ้มได้เลยเนี่ย




Savage Garden Truly Madly Deeply Lyrics

I'll be your dream, I'll be you wish I'll be your fantasy
ฉันจะเป็นความฝัน ความปรารถนา และจินตนาการของคุณ

I'll be your hope, I'll be your love be everything that you need
ฉันจะเป็นความหวัง ฉันจะเป็นความรัก จะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องการ

I love you more with every breath truly madly deeply do
ฉันรักคุณมากขึ้นทุกๆลมหายใจอย่างจริงใจ คลั่งไคล้และลึกล้ำ

I will be strong I will be faithful 'cause I'm counting on
ฉันจะแข็งแกร่ง ฉันจะรักษาสัจจะ เพราะว่า ฉันกำลังนับเวลาถึง

A new beginning
การเริ่มต้นครั้งใหม่

A reason for living
เหตุผลสำหรับการดำรงอยู่ต่อไป

A deeper meaning
และความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น

I want to stand with you on a mountain
ฉันอยากที่จะยืนเคียงข้างคุณบนภูเขาอันสูงใหญ่

I want to bathe with you in the sea
ฉันอยากที่จะแหวกว่ายกับคุณในท้องทะเล

I want to lay like this forever
ฉันอยากให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป

Until the sky falls down on me
จนกว่าท้องฟ้าจะโรยรา

And when the stars are shining brightly in the velvet sky
และเมื่อดวงดาวส่องแสงสว่างสดใสในท้องฟ้าสีกำมะหยี่

I'll make a wish send it to heaven then make you want to cry
ฉันจะเอ่ยคำอธิษฐานแล้วส่งมันไปที่สวรรค์ และ ทำให้คุณอยากร้องไห้

The tears of joy for all the pleasure in the certainty
น้ำตาแห่งความปิติ สำหรับความสุขที่มั่นคง

That we're surrounded by the comfort and protection of
ที่อยู่รอบๆตัวเรา ด้วยความอ่อนโยนและการปกป้องจาก

The highest powers In lonely hours The tears devour you
ความรัก แม้ในชั่วเวลาที่โดดเดี่ยว และเต็มไปด้วยน้ำตา

[ Repeat ** ]
Oh can't you see it baby ?
โอ คุณเห็นมันหรือไม่ ที่รัก ?

You don't have to close your eyes
คุณไม่จำเป็นที่จะต้องหลับตาลง

'Cause it's standing right here before you
เพราะว่ามันอยู่นี้ที่ตรงหน้าของคุณ

All that you need will surely come
สิ่งทั้งหมดที่คุณต้องการนั่นจะมาถึงอย่างแน่นอน

[Repeat *, **, **]

ไงหวานไหมล่ะ..............

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2552

บันทึกน้ำตา 1 ลิตร



ช่วงนี้ปิดเทอม ตอนเช้าๆ เราจึงโอกาสดูซีรีย์ละครหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น CSI ซีรีย์เก่าๆที่เคยนำมาฉายทางช่อง 3 หรือ เกาหลี หรือญี่ปุ่น แต่ตอนนี้กำลังชอบเรื่อง บันทึกน้ำตาหนึ่งลิตร

ละครเรื่อง บันทึกน้ำตา 1 ลิตร ( 1 Litre of Tears ) สร้างขึ้นมาจาก ไดอารี่ 1 Litre of Tears ที่ คิโตะ อายะ เด็กผู้หญิงที่ต่อสู้กับโรคร้ายมาตลอดได้บันทึกไว้ เป็นหนังสือที่เอาไดอารี่ของเธอทั้ง 46 เล่มมาสรุปและพิมพ์จำหน่ายในชื่อ 1 Litre of Tears ที่ทำให้ทุกคนประทับใจ และจำหน่ายได้ถึง 1.2 ล้านเล่ม และหลังจากที่ละครเรื่องนี้ฉายเป็นละครแล้ว ยอดจำหน่ายได้เพิ่มขึ้นถึง 1.8 ล้านเล่ม ตอนสิ้นปี 2548

และไดอารี่ 1 Litre of Tears นี้ยังได้สรุปบันทึกที่ คิโตะ ชิโอกะ แม่ของอายะ เขียนเอาไว้ในเรื่อง "อุปสรรคของชีวิต" รวมอยู่ในไดอารี่ 1 Litre of Tears นี้ด้วย และวันที่ 23 พฤษภาคม 1988 อายะทิ้งความประทับใจเอาไว้ในโลกนี้ และเดินทางสู่สรวงสรรค์ รวมอายุได้ 25 ปี ละครเรื่อง บันทึกน้ำตา 1 ลิตร ( 1 Litre of Tears ) นี้ เป็นละครชีวิตที่ให้กำลังใจกับคนญี่ปุ่นสมัยนี้ โดยในละครเรื่องนี้ ได้แทนนามสกุลจริง คิโตะ เป็นนามสกุล อิเคอูจิ

"ฉันมีชีวิตต่อเพื่ออะไรกันนะ" นี่คือประโยคหนึ่งจาก ไดอารี่ 46 เล่มที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเขียนไว้ ตลอดระเวลาที่ต่อสู้กับโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษานี้ คิโต อายะ เกิดปี 1962 เป็นโรคที่ชื่อว่า Spinocerebellar Degeneration ซึ่งไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดในตอนอายุ 14 ปี เป็นโรคที่รักษาได้ยาก อาการของโรคจะทำให้สมองส่วนการรับรู้จะยังทำงานเป็นปกติ แต่จะค่อยๆ เสื่อมลง และควบคุมร่างกายไม่ได้ไปทีละอย่าง ซึ่งไดอารี่ทั้ง 46 เล่มนี้ ก็คือบันทึกการต่อสู้กับโรคตั้งแต่เริ่มมีอาการ จนถึงตอนที่อายะไม่สามารถควบคุมแขนของตัวเองให้เขียนได้ เสมือนเป็นเสียงตะโกนที่ร้องขอการมีชีวิตอยู่ต่อ จากส่วนลึกของหัวใจเธอ

"โรคนี้ทำไมถึงเลือกฉันนะ" นี่คืออีกประโยคหนึ่งจาก ไดอารี่ 46 เล่มที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่เป็นโรคที่รักษาไม่หาย แต่ก็ยังพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปกับโรคร้ายนั้น ทุกๆ วันที่ถูกรายล้อมไปด้วยความรักทั้งของครอบครัว คนรัก และเพื่อนๆ ที่คอยช่วยเหลือ ร้องไห้และหัวเราะด้วยกัน อยากใช้ชีวิตกันต่อไป เป็นละครชีวิตที่ให้กำลังใจกับคนญี่ปุ่นสมัยนี้

"ร้องไห้เสียน้ำตาไปหนึ่งลิตร" เป็นอีกคำพูดหนึ่งที่ คิโตะ อายะ ได้พูดกับเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลาย ตอนที่จะลาออกจากโรงเรียนไปอยู่ที่โรงเรียนคนพิการ เนื่องจากไม่อยากทำให้เพื่อนทุกคนในห้องต้องลำบากใจ เพราะเพื่อนๆ ในห้องส่วนใหญ่กลัวจะเรียนไม่ทัน จะสอบต่อมหาวิทยาลัยไม่ได้ เพราะอาจารย์ต้องสอนช้าลง เพื่อให้ อายะ สามารถจดตามได้ทัน เนื่องจากเมื่อ อายะ เป็นโรคนี้แล้วช่วงแรกก็ยังพอเดินได้ปกติ แต่หลังจากนั้นก็เดินได้ยากขึ้น จนในที่สุดเวลาจะเดินต้องนั่งรถเข็น และเวลาเขียนก็ไม่สามารถเขียนได้เร็วเท่าคนปกติ โดยที่จริงๆ แล้ว อายะ ไม่อยากจะไปที่โรงเรียนคนพิการ แต่อยากจะอยู่ที่โรงเรียนกับเพื่อนๆ แต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนต้องลำบากเพราะตนเอง จึงได้ตัดสินใจลาออก โดยที่เธอได้บอกกับเพื่อนๆ ว่า กว่าเธอจะตัดสินลาออกได้ ต้องนอนร้องไห้เสียน้ำตาไปหนึ่งลิตร

โรค Spinocerebellar Degeneration คือโรคที่ยังไม่สามารถรักษาได้ อาการของโรคจะทำให้สมองส่วนการรับรู้ จะยังทำงานเป็นปกติ แต่จะค่อยๆเสื่อมลง และควบคุมร่างกายไม่ได้ไปทีละอย่าง ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้แต่ละคนจะแตกต่างกันไป บางคนเมื่อเริ่มเป็นโรคนี้อาการจะค่อยๆ เป็นหนักขึ้นอย่างช้าๆ แต่สำหรับบางคนอาการของโรคทรุดหนักลงอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มทำให้ขาเดินได้ลำบาก จนต่อมาจะเดินไม่ได้แขนและมือที่เคยจับเขียนได้ ก็จะค่อยๆ จับและเขียนลำบาก จนสุดท้ายก็จะเขียนไม่ได้ การรับประทานอาหารก็จะลำบากขึ้นและจะสำลักบ่อยครั้ง บางคนอาจถึงตายได้เนื่องจากอาหารติดคอ ผู้ป่วยจะต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่เสมอ เพราะยิ่งอาการหนักขึ้นเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เองมากขึ้นเท่านั้น เป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร และยังไม่สามารถรักษาจนถึงปัจจุบัน ทำได้เพียงพยายามชลอให้อาการทรุดหนักช้าลงเท่านั้น

ฉันดูเรื่องนี้แอบน้ำตาคลอ สิ่งหนึ่งที่ได้จากเรื่องนี้ คือ ฉันต้องขอบคุณอัลลอฮที่ไม่ได้ให้โรคนี้เกิดกับตัวฉันและครอบครัว และขอให้โรคนี้ห่างไกลจากตัวฉันและครอบครัว ( คำพูดของน้องฉันค่ะ เวลาที่ดูมักจะพึมพำคำนี้ตลอด ) อีกอย่างคือ กำลังใจจากครอบครัวสำคัญที่สุดสำหรับคนที่ป่วย การดูแลเอาใจใส่คนป่วยจะทำให้กำลังใจของครอบครัวดีขึ้นมาก กำลังกายไม่สำคัญเท่ากำลังใจ สิ่งที่เรายกย่องคือ ครอบครัวนี้ไม่ทิ้งและพยามยามทำทุกอย่างให้อายะมีความสุข ซึ่งเราเองก็ไม่คิดเลยว่าถ้าคนในครอบครัวเราเกิดเป็นแบบนี้ขึ้นมา จะเอาใจใส่ดูแลได้ดีขนาดไหน


วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552

เพื่อนสนิท ( เขาไม่ได้คิดอะไรกับตัวเองเลยน้า )

ผู้แสดง ..... ฟีน และ เฟน

ผู้กำกับ .... dream deenee

ผู้ควบคุม ..... meyoung

ศิลปิน ........ ดา เอนโดรฟิน





เพื่อนคนนึง แอบรักเธอ ปิดปังความรักนั้นอยู่ภายใน




ก็ไม่เคยเปิดเผยใจ ด้วยกลัวต้องเสียใจ กลัวเสียเธอ





ปิดบังอยู่ตั้งนาน จนมันอัดอั้นใจ ยิ่งเราใกล้ชิดกัน ยิ่งหวั่นไหว จะสบตา กลับหลบตาเธออยู่เรื่อยไป






ห่างแค่เพียงเอื้อมมือแต่มันคือแสนไกล ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไป








ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันคือแสนไกล ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไป ว่ารักเธอ







หากเป็นใครไม่ใช่เธอ สักวันอาจได้รู้ถ้าบอกไป แต่เป็นเธอที่คุ้นเคย ก็เลยต้องยับยั้งต้องชั่งใจ






จบแว้ว วววววววววววววววววววว



เบื้อหลังการถ่ายทำ




วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2552

มอเตอร์ไซด์ ฮ่าง



วันนี้ อยากเข้าเมืองไปหลิ่วตาตาม
แต่ปัญหามีอยู่ว่า รถที่เราใช้ประจำเอาไปเข้าอู่นี่ เจ้าลูพ่อก็เอาไปใช้ อีกคันพี่ก็เอาไป ทำงายล่ะ
อยากไปเที่ยวนี่ ฮึๆๆๆ ไม่ใช่ปัญหา ติดรถพ่อไป แต่เวลาจะไปเที่ยวในเมืองอ่ะ ทำไงล่ะ ไม่มีรถ
ถามพ่อว่า ที่ธนาคารอาเยาะอ่ะ มีมอไซด์ให้ยืมป่ะ ไม่อยากขึ้นตุ๊กๆเด่วเสียหลายบาท เปลืองตังค์
พ่อบอกมีดิ ไปเด่วไปเอาให้ เราก็ดีใจ 555555 มีรถขี่แล้ว

ระหว่างทางนั่งไปกับพ่อ มอไซด์เบรกกะทันหัน พ่อเหยียบร้อยกว่า เบรคเอี็ยดดดดดดด เราก็พลอยตกใจไปด้วย พ่อบอกว่า ไม่ต้องกลัวหรอก เบรค ABS กลัวแต่ด้านหลังมาชนตูดเท่านั้นแหละ

พอไปถึงในเมือง พ่อก็ไปเอารถมาให้ เราก็เดินตามไป และแล้ว ................ มอไซด์ที่เราได้คือ ยามาฮ่า RC jet cooled สีน้ำตาล 5555555555555 โหย เก๋ามากเลย แค่สตาร์ตก็กินขาดแล้ว เสียงเนี่ยเหมือนรถแข่งเลยอ่ะ
ขับออกมาจากโกดังที่เก็บรถของธนาคาร เท่ห์มากเลย ผู้หญิงสวยๆ แต่งตัวดีๆ ถือกระเป๋าหรู กับมอไซด์ RC โอยไม่อยากบรรยายเลย น้องที่ไปด้วยหัวเราะแล้วบอกว่า กำลังจะบอกเลยว่า ให้เอา RC ไม่เอารถเวฟ
ดีน่ะที่อาเยาะให้ RC รถคันนี้ทำให้ผู้ชายหลายๆคน หันมาบอก แถมยังส่งยิ้มให้อีก อาจเป็นเพราะว่า เสียงรถที่ดัง และตัวดิฉันเอง ที่สวยแต่มานั่งรถ RC ให้เขาได้ขำกัน ไม่ถือค่ะ สบายๆ เท่ห์ซะอีก ไม่สนด้วยใครจะทำไม เขาคงคิดว่าผู้หญิงเดี๋ยวนี้ต้องนั่ง คลิก หรือไม่ก็ ฟีโน่ เท่านั้น 655555555

ไปๆมาๆน้องชักเสียวกับการขับของเรา เพราะเราชินกับขับรถมากกว่าถ้าเป็นในเมือง เลยเปลี่ยนมือคนขับ
ตอนไปละหมาดที่ มอ ขาออกต้องคืนบัตรให้ยาม แต่เราควักกระเป๋าช้า เลยติดแง็กตรงนั้น เร่งนำ้มันไม่ขึ้น
ยามก็หัวเราะ บอกว่าถอดเกียร์สิน้อง 55555555

สนุกดีค่ะ ขี่รถแบบนี้เท่ห์ไปอีกแบบบ คราวหน้าเอาอีก จะเอารถไปแล้วไปจอดทิ้งที่ธนาคาร เอามอไซด์ไปแทน 55555555555555

เคยถามเพื่อนที่เป็นชาวอีสานว่า ฮ่าง แปลว่าอะไร แปลว่า เก่าค่ะ

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2552

เพราะร่มแท้ๆ



สมัยที่เรียนอยู่ปี 3 มีประสบการณ์อันน่าขำเกี่ยวกับร่ม ร่มที่เราใช้กางนี่แหละ ตอนที่เรียนนั้นเราเป็นคนที่ขาดร่มไม่ได้ ไปเรียน 8 โมงออกจากหอปุ๊บ กางร่มปั้บ แต่เวลาขึ้นสะพานลอย หรือข้ามถนนมักจะปิดร่มก่อน กางร่มในมหาลัยถือเป็นเรื่องปกติมากสำหรับทุกคน เพราะทุกคนจะมีร่มส่วนตัวทั้งนั้นรวมทั้งเราด้วย


ร่มที่ใช้ก็เป็นร่มของมหาลัยซื้อมาราคา 160 บาท ถือว่าแพงน่ะ แต่อยากได้โลโก้มหาลัยติดบนร่มนี่เลยต้องซื้อ เรื่องที่เกิดขึ้นมันมีอยู่ว่า




เมื่อตอนเปลี่ยนคาบเรียน เราเปลี่ยนตึกเรียนจากตึกคณะศึกษาฯ ไปตึกคณะวิทย์ ระยะทางก็ไม่ไกลมาก เดินแค่ 5 นาทีก็ถึง บวกกับรอลิฟท์ 5 นาที ก็พอดีถึงเวลาเรียน แต่วันนั้นเราก็เดินกับเจ๊เพื่อนสนิทเรานี่แหละแต่บังเอิญว่า มีเพื่อนคนนึงใจดีรับเราสองคนขึ้นรถมอไซด์ไปด้วย เราก็เออได้อ่ะ ขี้เกียจเดิน เราก็ให้เจ๊ขึ้นก่อนเราก็ปิดท้าย ซ้อนสาม เราขี้เกียจปิดร่มอ่ะ เลยขึ้นนั่งแบบผู้หญิงแล้วกางร่ม เพื่อนถามเราว่า ไอ้ยังแกไม่ปิดร่มหรอ เราบอกว่า ไม่เป็นไรน่าแป๊บเดียวเอง แล้วมอไซด์ก็วิ่งไป ความเร็วประมาณ 40 มั้ง แต่วันนั้นเรารู้สึกลมแรงมาก มอไซด์วิ่งสู้ลม เราถือร่ม ก็รู้สึกว่า เฮ้ย ร่มกำลังจะปลิวก็พยายามจับแน่น ไม่อยากให้ร่มหลุดมือ จับได้แปบนึงรู้สึกว่าร่มจะหลุดก็พยายามจับไว้ สุดท้ายตัวเองก็ลอยไปพร้อมร่มออกจากเบาะมอไซด์ ลอยไปตกกลางถนน โดยที่เราเอาหัวกระแทกพิ้นเต็มๆ เหตุการณ์มันเกิดเร็วมาก จำได้แต่ว่าร่มลากเราไป เราก็ลอย แล้วไปตกแหมะกลางถนน




ความรู้สึกแรก มึนหัวมาก เพราะหัวลงไปเต็มๆก่อนตัวซะอีก มีผู้ชายที่เดินแถวนั้นวิ่งมาจะช่วยเราลุกขึ้นเดินแต่ด้วยความที่เรามึนๆเลยยืนมึนๆ เพื่อนที่นั่งมาหยุดรถแล้วมองค้าง อึ้ง แล้วบอกว่า แกจะเฉยทำไมไอ้ยังตกมอไซด์ไปช่วยดิ แล้วเพื่อนก็จอดมอไซด์วิ่งมาประคองเรา ถามว่าเป็นไงบ้าง เราตอบว่า เจ็บหัวอ่ะ ทีนี้เราคลำหัวเรา โหหหห หัวโนเท่าลูกส้มเลย เท่านั้นแหละ เราร้องให้ไม่อายเพื่อนเลย พูดแต่ว่า เจ็บๆๆๆๆๆ


เพื่อนก็หน้าซีดเพราะโดนหัวเต็มๆ รีบพาไปห้องพยาบาล บอกอาการให้เจ้าหน้าที่รู้ เขาจับหัวดูบอกว่า โหหห หัวโนมากเลย ไปๆๆๆไปนอนซะเด่วจะปฐมพยาบาลให้ ระหว่างที่เอานำแข็งมาประคบ เขาก็ถามเราต่างๆนาๆ ว่า หนูอยู่ที่ไหน หอพักหนูอยู่ซอยอะไร ในห้องมีอะไรบ้าง หนูเรียนคณะอะไร ก็ตอบๆไป ไม่ทันนึกว่าเขากำลังทดสอบความจำเราอยู่ สุดท้ายเขาก็บอกว่า อืมไม่มีอะไรความจำยังดี แล้วเราก็จรลีไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจหัวที่โนอีกครั้ง จำได้ว่า หวีผมไม่ได้เลย นอนตะแคงไม่ได้เลย ตั้งหลายสับดาห์น่ะกว่าจะยุบ โทรบอกที่บ้าน เขาก็มากันทั้งบ้าน ทั้งๆที่เรายังหัวเราะเลยหลังจากเกิดเหตุการณ์ ยาที่หมอให้ไม่กล้ากิน เพราะกินแล้วจะง่วง กลัวอ่านหนังสือไม่ได้ เพราะใกล้สอบ ผลก็คือ หัวที่โนนั้นยุบลงไม่หมดถึงตอนนี้ก็ยังมีปุ่มแข็งๆอยู่บนหัวอีก เวลาจับแล้วกดก็จะรู้สึกเจ็บอยู่




เรื่องสอนให้รู้ว่าอย่ากางร่มเวลาขึ้นมอไซด์เพราะอาจเกิดแบบเราก็ได้ หลังจากนั้นเราก็เข็ดขึ้นมอไซด์ เวลาฝนตกยอมเปียกมากกว่ากางร่ม 555555


วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2552

เกมส์ทำอาหาร

ตอนนี้บ้าเกมส์ทำอาหารอยู่ค่ะ เป็นเกมส์ที่เป็นเมนูต่างๆมาให้ ให้เราหยิบส่วนผสมต่างๆมาใส่ตามที่เขาบอก
ต่อจากนั้นก็จะเป็นเมนูตามที่ต้องการ ถือว่าเป็นเกมส์ฝึกทำอาหารอย่างหนึ่ง แต่ส่วนมากเมนูจะเป็นอาหารฝรั่งซะมากกว่า ลองเล่นดูน่ะ

เกมส์ทำขนมเค้กคัพ http://www.j-doramanga.com/playgame.php?id=1327

เกมส์ทำคุกกี้ http://www.j-doramanga.com/playgame.php?id=1321

เกมส์ทำไก่งวง http://www.j-doramanga.com/playgame.php?id=1295

เกมส์ทำไข่ http://www.j-doramanga.com/playgame.php?id=1404



เกมส์ทำช็อคโกแลต http://www.j-doramanga.com/playgame.php?id=1411


เกมส์ทำซูชิ http://www.j-doramanga.com/playgame.php?id=1351

เกมส์ทำปลาแซลมอลราดซอส http://www.j-doramanga.com/playgame.php?id=1263

แค่นี้ก่อนล่ะกัน เกมส์นี้บางเมนุสามารถนำไปทำได้จริงๆ ถือว่าเกมส์นี้เป็นเกมส์ที่สอนทำอาหารอย่างแท้จริง
คำเตือน ผู้ชาย และ คนที่ไม่พิศมัยในการทำอาหาร ห้ามเล่นเด็ดขาดค่ะ

สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า

เมื่อวานเรามีโอกาสไปหาดใหญ่ เดินห้าง ไปเจอกับแผ่นโปสเตอร์อันเบ้อเร้อหน้าร้านซีดีแห่งหนึ่ง
เป็นโฆษณาเกี่ยวสารคดีของเนชั่นแนลจีโอกราพฟิค ซึ่งทำเรื่องนี้เป็นตอนๆ ดูรูปแล้วน่ากลัวจังและน่าสนใจเกี่ยวกับ แผ่นโฆษณาแห่งนี้ เลยลองเข้าไปดู ซึ่งมันก้คือดีวีดี เรื่องสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ซึ่งเราเคยได้ยินบ่อยๆแต่ไม่สนใจเท่าไหร่ พอดุภาพโปสเตอร์ก็เลยสนใจขึ้นมา เลยเอาเขียนในบล้อกเผื่อใครสนใจอยากลองไปหาดูบ้าง ก่อนดูก็ต้องรู้จักกันก่อนว่า มันคืออะไร



เรือเดินทะเลที่หายสาบสูญไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดานั้น ส่วนมากจะเกิดขึ้นในบริเวณที่เรียกว่า "ทะเลซากัสโซ" และ สาเหตุที่ท้องมหาสมุทรแห่งนี้มีนามว่าทะเลซากัสโซ ก็เพราะอาณาเขตบริเวณแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วย สาหร่ายทะเลชนิดหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า สาหร่ายซากัสซั่ม โดยสาหร่ายชนิดนี้เป็นอุปสรรคต่อการเดินเรืออย่างยิ่ง และเหตุ เหตุการณ์ประหลาดลึกลับทางทะเลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่โบราณกาล มักจะมีต้นตอมาจาก ทะเลซากัสโซเสียเป็นส่วนมาก ชาวฟีนีเชียนโบราณที่เคยใช้เรือเดินทางผ่านท้องทะเลมหาภัยแห่งนี้มา ตั้งแต่หลายพันปีก่อน ได้บันทึกปรากฏการณ์ประหลาดต่าง ๆ ไว้เป็นจำนวนมาก
ท้องทะลซากัสโซ่ มีอาณาเขตบริเวณกว้างใหญ่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแอ๊ตแลนติค บริเวณแห่งนี้จะเต็มไปด้วย สาหร่ายทะเลลอยฟ่องเต็มไปหมด - เมื่อตอนที่โคลัมบัสแล่นเรือผ่านท้องทะเลแห่งนี้เป็นครั้งแรก กลาสีเรือต่างตื่นเต้นที่คิดว่าเรือคงแล่นเข้าใกล้ฝั่งแห่งใดแห่งหนึ่งเข้าไปแล้ว แต่แม้จะแล่นเรือต่อไปอีกนาน อาณาเขตของ สาหร่ายแห่งนี้ก็หาหมดลงไปไม่ อีกอย่างหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ประจำของทะเลซากัสโซ คือ ภูเขาทะเลดย ภูเขาทะเลก็คือภูเขาที่อยู่ใต้พื้นน้ำ แต่มีส่วนยอดแบนราบโผล่ขึ้นมาเหนือพื้นน้ำเล็กน้อย มองดูคล้ายเกาะ แต่ไม่มีพืชพันธใดๆ นอกจากตระใคร่น้ำเกาะอยู่เท่านั้นทะเลซากัสโซไม่เพียงแต่เป็นท้องทะเลที่เต็มไปด้วยสาหร่ายยากแก่การเดินเรือ เท่านั้น แต่กิตติศัพย์ในความน่าสะพรึงกลัวของมันได้ถูกกล่าวขานกันอยู่เสมอ บ้างก็ให้เชื่อว่าเป็นทะเลแห่งความหายนะ หรือสุสานของเรือเดินสมุทรบ้างก็ว่าเป็นที่สิงสถิตของภูติผีปีศาจทะเล หรือสัตว์ร้ายดึกดำบรรพ์ เรื่องราวต่าง ๆ ที่พวกชาวเรือชอบนำมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับท้องทะเลจำนวนนับไม่ถ้วนก็คือ เรือจะถูกยึดนิ่งสงบรวมอยู่ในใจกลางของทะเลซากัสโซ่ ตั้งแต่สมัยการการเดินทางโดยทะเลของพวกฟินีเชียน ไวกิ้ง โรมัน หรือแม้แต่เรือต่าง ๆ ในสมัยกลางของยุโรป พวกเหล่านี้เชื่อว่าเรือเหล่านี้ลอยกองรวมกันพร้อมด้วยสมบัติมหาศาลที่ บรรทุกอยู่เหตุที่ไม่จมเพราะมีสาหร่ายจำนวนหนาแน่นรองรับอยู่ข้างใต้ มนุษย์ผู้พบท้องทะเลแห่งนี้เป็นพวกแรกเข้าใจว่าจะต้องเป็น พวกฟินีเชียนและพวกคาร์ธายิเนียนโบราณ ก็เพราะเป็นเวลา หลายพันปีแล้วที่พวกนี้เดินทางข้ามมหาสมุทรแอ๊ตแลนติคสู่อเมริกาหลักฐานที่ปรากฏคือ รอยแกะสลักบนแผ่นหินของพวกฟินีเชียน ที่พบอยู่ในประเทศบราซิลขณะนี้ และศิลาจารึกในสุสานฝังศพของ พวกคาร์ธายิเนียน เมื่อราว 500 ปี ก่อนคริศศักราชระบุว่า

เหนือท้องทะเลแห่งนี้มีแต่ความอ้างว้างเงียบเหงา คล้ายกับสุสานใหญ่ที่มองจรดขอบฟ้าไปทุกด้าน ไม่มีแรงลม พอที่จะพัดพาเรือให้แล่นไปได้ ใต้พื้นน้ำเต็มไปด้วย
สาหร่ายทะเลอย่างหนาทึบ ซึ่งยึดเรือทั้งหลายให้หยุดนิ่งอย่างกับกำลังมหาศาลของหนวดปลาหมึกยักษ์ ท้องทะเลบางแห่งก็ตื้นเขินซึ่งเป็นที่อาศัยของสัตว์ประหลาด
มหึมาหลายสิบชนิด และบางครั้งมันก็ว่ายน้ำ เข้ามาทำลายเรือ
ทั้งลำให้กลายเป็นผุยผงไปในพริบต

ความลี้ลับของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา

สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นอาณาบริเวณส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอ็ตแลนติคภาคตะวันตก พื้นที่ทั้งหมดเริ่มจาก ตอนหนือของเบอร์มิวดาไปถึงตอนใต้ของรัฐฟลอริดา-และจากฟลอริดามุ่งตรงไปทางตะวันออกทำมุมสี่สิบองศากับเส้นรุ้ง ผ่านบาฮามัสและเปอร์โตริโก จากนั้นก็ย้อนเฉียงกลับไปสู่ทางใต้ตอนเหนือของเบอร์มิวดาอีกซึ่งทำให้อาณาบริเวณแห่งนี้ กลายเป็นรูปสามเหลี่ยม และอาณาบริเวณรูปสามเหลี่ยมแห่งนี้เองที่เป็นแหล่งกำเนิด ปรากฏการณ์ อันลี้ลับ มหัศจรรย์ขึ้น ในยุคอวกาศของชาวเรา ในปัจจุบันเป็นสิ่งลึกลับและเหลือเชื่อหากจะบอกท่านว่า เริ่มตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี ค.ศ. 1945 มาจนถึงปัจจุบัน เครื่องบินจำนวนกว่า 100 เครื่อง และเรือเดินสมุทร จำนวนอีกมากหลายได้ หายไปในบรรยากาศ และพื้นทะเลของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแห่งนี้โดยไม่มีร่องรอย ชีวิตมนุษย์จำนวนพัน ในระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา ได้หายไปพร้อมกับ พาหนะโดยไม่มีซากศพ แม้แต่รายเดียว หรือเศษชิ้นส่วนใดๆของเรือ หรือเครื่องบินที่หายไปเหลือให้เห็น การหายสาบสูญของเรือ เครื่องบิน และชีวิตมนุษย์ ในบริเวณดินแดนสามเหลี่ยม เบอร์มิวดายังคงปรากฏอยู่ต่อไป และมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ชาติต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสูญเสียเหล่านี้ ต่างก็พยายามดำเนินการค้นคว้า ก็หาสาเหตุแห่งปรากฏการณ์อันประหลาดและลึกลับนี้อย่างเร่งด่วน แต่ก็ไม่มีใคร สามารถบอกสาเหตุ และหาทางป้องกัน จากภัยที่เกิดขึ้นในบริเวณท้องทะเลแห่งนี้ได้ไม่

เครื่องบินที่หายไปเหนือพื้นทะเลแห่งนี้ ส่วนมากก่อนที่จะหายการติดต่อกับฐานปฏิบัติการณ์ หรือสถานีปลายทางเป็นไปอย่างปกติ และสภาพของบรรยากาศ และทัศนะวิสัย ก็สงบ และแจ่มใสดี ไม่มีวี่แววของพายุร้ายใดๆ แต่แล้ว เมื่อถึงบทจะหายเครื่องบินเหล่านั้นก็จะหายไปอย่างฉับพลันโดยไม่มีร่องรอย ซึ่งนักบินก็ไม่มีโอกาสที่จะแจ้งข่าว-ทาง วิทยุให้หน่วยควบคุม การบินทราบได้ แต่ก็มีเป็นจำนวนมากเหมือนกัน ก่อนที่เครื่องบินจะหายสาบสูญ นักบินมีเวลาพอที่จะแจ้งข่าวผิดปกติมายังฐานปฏิบัติการได้ ซึ่งทุก
รายต่างก็แจ้งตรงกันทั้งหมดว่า
ไม่สามารถควบคุมกลไกต่างๆ ให้ดำเนินไปตามปกติได้ เข็มทิศประจำเครื่องจะหมุนปั่นไม่สามารถบอกทิศทางได้ ท้องฟ้าจะกลายเป็นสีเหลือง และมองดูคล้ายหมอกหนาทีบ ทั้งๆ ที่เป็นวันที่บรรยากาศแจ่มใส และแดดส่องจ้ามาก่อน และท้องทะเลซึ่งเงียบสงบ กลับปั่นป่วน ขึ้นมาโดยไม่อาจจะทราบสาเหตุได้

อุบัติการณ์ ลึกลับที่ไม่อาจให้คำอธิบายได้ เกี่ยวกับการสาบสูญของเรือเดินสมุทร และ เครื่องบินเป็นจำนวนมาก ในดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาก็ยังคงเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ได้ขาด จนกระทั่งในปัจจุบัน ทุกครั้งที่ได้รับรายงานการสูญหาย หน่วยยามฝั่งที่เจ็ด ของกองทัพเรือสหรัฐ จะทำการค้นหาร่องรอยอย่างละเอียดละออ แต่ก็ประสบความ ล้มเหลวที่จะพบพยานหลักฐานซึ่งจะนำไปสู่การไขปัญหาลึกลับนี้ได้ทุกครั้ง และในที่สุดกองทัพเรือสหรัฐก็ได้เก็บเรื่องเหล่านี ้ไว้เป็นความลับ ไม่ยอมเปิดเผยหรือให้คำวิจารณ์ใดๆ แก่ประชาชน ที่อยากรู้อยากเห็นว่า อุบัติการณ์ ลึกลับเหล่านั้น เกี่ยวข้องกับความอาถรรพ์ของดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาหรือไม่ แต่ทั้งๆ ที่กองทัพเรือสหรัฐพยา-
ยามจะปกปิด เรื่อราวเหล่านี้ไว้ ประชาชนทั่วไปก็เริ่มรู้ระแคะระคาย ต่างๆ และเชื่อว่า จะต้องมีแรงอาถรรพ์ หรือพลังอำนาจอันลึกลับ อย่างหนึ่งอย่างใด ภายในบริเวณ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาอย่างแน่นอน และยิ่งปรากฏว่าเมื่อเร็วๆนี้ได้มีข่าวรายงานว่ามีนักบิน และนักเดินเรือบางคนได้รอดชีวิตมาจากปรากฏการณ์สยองขวัญ ในดินแดนของสาม -

เหลี่ยมเบอร์มิวดา จึงทำให้ เกิดการฮือฮากันใหญ่ในขณะนี้
แต่อย่างไรก็ดีจวบจนกระทั่งบัดนี้หาได้มีผู้ใดที่สามารถให้คำอธิบายแจ่มชัด เกี่ยวแก่ความลึกลับ และความอาถรรพ์ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาได้ และการสาบสูญ ก็ยังคงปรากฏอยู่ต่อไป โดยไม่มีทางป้องกันหรือขัดขวางได้

วิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยหลักการ

ในบางกรณี หากวิเคราะห์ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการหาบสาบสูญของเรือเดินสมุทรและเครื่องบินในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา จะพบว่าหาเป็นเรื่องประหลาดลึกลับแต่อย่างใดไม่เพราะเครื่องบินแต่ละลำ เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับความกว้างใหญ่สุดคณานับของพื้นมหาสมุทรโลกแล้ว ก็เปรียบเสมือนฝุ่นละอองที่ล่องลอย อยู่ในห้องโถงใหญ่ น้ำในมหาสมุทรก็ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่มีการเคลื่อนไหว กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม มีอัตราความเร็วกว่าสี่ไมล์ต่อชั่วโมง

ในท้องทะเลนอกฝั่งบาฮามัสมีสิ่งแปลกประหลาดอยู่สิ่งหนึ่งที่นักประดาน้ำ มักจะพบเห็นอยู่บ่อย ๆซึ่งพวกเขาเรียกว่า "ปล่องน้ำเงิน" จะปรากฏอยู่ตามหุบผาใต้น้ำและ -
แหล่งหินประการัง มีลักษณะเป็นอุโมงค์หรือปล่องใต้ทะเล โดยทั่วไปเป็นที่อยู่ของปลาที่ไม่ค่อยได้พบกันที่ผิวน้ำ ปล่องเหล่านี้เชื่อว่า เกิดจากถ้ำหินประการังถูกกัดกร่อนด้วย -
กระแสน้ำใต้ทะเลมาเป็นเวลานับหมื่นปี เคยมีนักประดาน้ำดำลงไป สำรวจปล่องต่างๆ นี้ พบว่าปล่องจำนวนมากต่างมีทางแยกออกไปในหลายทิศทาง ทำให้ปลาที่ว่ายวนอยู่ในนั้นเกิดสับสนถึงกับว่ายเอาครีบท้องขึ้นสู่เบื้องบน ยิ่งกว่านั้นยังพบว่ากระแสน้ำไหลเชี่ยวแรงเข้าสู่ส่วนลึกคล้ายถูกดูดด้วยกำลังอันมหาศาลซึ่งเป็นอันตราย ต่อนักประดาน้ำมาก และลักษณะการณ์เช่นนี้ทำให้น้ำบริเวณปากปล่องไหลวนเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดการหมุนเป็นกรวยเหนือพื้นน้ำในลักษณะของวังน้ำวน ซึ่งสามารถจะดึงดูดเรือเล็กพร้อมด้วยคนบนเรือ ลงสู่ก้นอย่างรวดเร็ว

อีกทฤษฏีหนึ่ง เป็นทฤษฏีเกี่ยวกับลมพายุทอนาโดซึ่งเกิดเป็นครั้งคราว จะกวาดเรือและเครื่องบิน ให้จมลงสู่ก้นมหาสมุทรได้ไม่ยาก พายุทอร์นาโดเป็นพายุหมุนปั่นเอาน้ำทะเลหมุนเป็นเกลียวสูงนับร้อยๆ ฟุตกลางอากาศและหากมันเกิดตอนกลางคืน เครื่องบินที่บินอยู่ระดับต่ำอาจถูกกระแทกตกลงสู่ทะเลได้ ก็เพราะนักบินไม่สามารถจะมองเห็นได้ในระยะไกล ส่วนเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่จมหายนั้น เชื่อว่าอาจจะเกิดจากกระแสคลื่นมหึมา ที่เป็นผลมาจากแผ่นดินไหวใต้ทะเลก็ได้ เพราะคลื่นที่เกิดจากปรากฏการณ์เช่นนี้จะมีความสูงร่วมร้อยฟุตเลยที่เดียว

ปรากฏารณ์อย่างหนึ่งที่อาจเป็นอันตรายต่อเครื่องบินได้ คือ รผันแปรของอากาศอย่างทันทีทันใด ที่เรียกกันว่า "แค๊ท (Cat - clear air turbulenec)" โดยทั่วไปแล้ว "แค๊ท" จะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่อาจจะคาดคะเน หรือทำการพยากรณ์ได้เช่นเดียวกับลักษณะภูมิอากาศ โดยทั่วไปมันจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและทุกสภาวะอากาศ สาเหตุของปรากฏการณ์นี้ยังไม่ทราบกันแน่ชัด แต่เชื่อกันว่าหากมันเกิดขึ้นขณะที่กระแสลมพัดแรงและรวดเร็ว จะทำให้เกิดสูญญากาศบริเวณนั้นทันที ซึ่งหากเครื่องบินได้บินเข้าสู่บริเวณของมันก็อาจจะตกดิ่งสู่ทะเลได้ง่าย แต่อย่างไรก็ดี การผันแปรวิปริตของบรรยากาศทันทีทันใดในลักษณะเช่นนี้นั้น จะต้องไม่ใช่สาเหตุการหายสาบสูญ ของเครื่องบินทุกลำใน-บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นแน่ เพราะปรากฏการณ์ "แค๊ท" จะไม่เป็นผลต่อการทำงานของเครื่องวัดต่างๆ และระบบการติดต่อทางวิทยุบนเครื่องบน แต่ทุกครั้งที่เกิดเหตุ จะปรากฏว่าการติดต่อทางวิทยุได้เงียบหายไป

การแปรผันของสนามแม่เหล็กโลก ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกได้เช่นเดียวกัน เพราะมันจะทำให้เกิดการผิดพลาดในการทำงานของเครื่องวัดระดับ และเข็มทิศประจำเครื่อง ในกรณีเช่นนี้นักบินไม่มีความสามารถพอก็อาจจะนำเครื่องบินดิ่งลงสู่มหาสมุทรได้ ยิ่งกว่านั้นปรากฏการณ์ต่างๆ ทางธรรมชาติอีกมากมายที่เราไม่อาจจะอธิบาย-หรือทราบสาเหตุของมันได้


นำข้อมูลมาจาก http://www.geocities.com/p_knun




วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2552

โลกแห่งความสวยงาม

หลีกลี้เรื่อง ความแตกแยกในบ้านเมือง เสื้อแดง เสื้อเหลือง ไปสนใจเรื่องสถานที่เที่ยวต่างๆดีกว่า
หนังสือ Lovely planet ได้จัดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวโลกในด้านต่างๆ เอาไว้น่าสนใจมาก

มาดูกันเลย

เมืองที่มีวิวทิวทัศน์ช่วงชั่วโมงเร่งรีบสวยงามที่สุด

สถานีรถไฟแกรนด์เซ็นทรัลเทอร์มินัล ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
เรือเฟอร์รี่ข้ามท่าที่ซิดนีย์ฮาร์เบอร์ ของออสเตรเลีย
เวสป้าโรม อิตาลี
เวนิส อิตาลี
เรือด่วนเจ้าพระยาข้ามฟากของไทย ว้าว ติดด้วย
สตาร์เฟอร์รี่ ฮ่องกง
รถไฟใต้ดินที่โตเกียว ญี่ปุ่น
รถลากที่โอลด์เดลลี อินเดีย
ลอนดอนบริดจ์ อังกฤษ


เมืองที่ไม่คิดว่าน่าจะใช่เมืองหลวง เราคิดว่าเป็นเมืองหลวงแต่ไม่ใช่

นิวยอร์ก สหรัฐอมเริกา เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและการเงินของประเทศ แต่เมืองหลวงคือ วอชิงตัน ดีซี
ริโอเดอจาเนโร บราซิล เมืองเที่ยวที่ใหญ่โต เมืองหลวงคือ บราซิเลีย
ซิดนีย์ ออสเตรเลีย เมืองหลวงคือ แคนเบอร์รา ( เคยมีคนรู้จักจบจากที่นี่ด้วยล่ะ)
อิสตันบูล ตุรกี แต่เมืองหลวงคือ อังการา
โอคแลนด์ นิวซีแลนด์ แต่เมืองหลวงคือ เวลลิงตัน (เคยมีนักเรียนแลกเปลี่ยนมาจากที่นี่ด้วยล่ะ)
เคปทาวน์ แอฟริกาใต้ เมืองหลวงคือ พริทอเรีย
โตรอนโต แคนาดา เมืองหลวงคือ ออตตาวา
มุมไบ อินเดีย เมืองหลวงคือ นิวเดลี

แคนเบอร์รา

เมืองบาปของโลก

ความโลภ ลาสเวกัส บ่อนกาสิโน
ความโกรธํเคือง มิลเน อิตาลี แฟนบอลที่นี่จะอารมณ์รุนแรง
ความอิจฉา โตเกียว ญี่ปุ่น เมืองที่มีของแพงเป็นอันดับต้นๆ
ความขี้เกียจ หมู่เกาะคาริบเบียน เมืองที่ปล่อยเวลาให้ไหลไปเรื่อยๆสบายๆ
ความใคร่ อัมสเตอร์ดัม มีเซ็กซ์ช็อบและการขายบริการทางเพศ
ความภูมิใจ ลอสแองเจลิส เมืองที่ผู้คนทำพลาสติกบนใบหน้ามากกว่าจำนวนต้นปาล์ม
เมืองที่ผู้คนชอบถูกมอง เบเวอร์รี่ฮิลล์ และ ฮอลลีวูด เพราะอยู่ใกล้ดารา
ความบริสุทธิ์ อยู่ที่ วาติกัน โรม เพราะเต็มไปด้วยโบสถ์
ลาสเวกัส

สถานที่มีความสุขสุดๆ

ภูฎาน ไม่ได้ดูแค่ จีดีพี แต่ดูดัชนีความสุข ด้วยห้ามมียาสูบและถุงพลาสติก
มอนทรีออล แคนาดา ออสเตรเลีย สวิสต์เซอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ บาฮานา
แชงกรีล่า เมืองแฮบปี้ รัฐเท็กซัส อเมริกา เดนมาร์ก



ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์



วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2552

พัฒนาการของ LP

เราจะมาดูพัฒนาการของ Linkin Park ด้านความหล่อของแต่ละคนกัน ตามมาเลย

อัลบั้ม Hybrid Theoryตอนนี้ เชสเตอร์ยังผมทอง ไมค์ยังผมแดง ฮานยังผ๊อมๆๆ ร็อบก๋ยังหล่อ เบรดก็ยังหัวโกร๋น ตอนนี้ยังไม่มีโพนิคเลย สมาชิกยัง 5 คน

Reanimationหน้าปกค่ะ

เริ่มหล่อแล้วค่ะ มีโพนิคเข้ามาแล้ว สมาชิกเพิ่มเป็นหกคน ไมค์เริ่มใส่หมวกแล้ว เชสเตอร์สงสัยแก่ลงต้องใส่แว่น ส่วนฮานสมบูรณ์ขึ้นเป็นกอง ที่เหลือก็ยังเหมือนเดิม

Meteora


ยิ่งเพิ่มความหล่อขึ้นเรื่อยๆ เราจะเห็นทรงผมของชสเตอร์ในแบบประหลาดประหลาดด้วย ทำไมพี่ไมค์โกรธใครป่าวเนี่ย นั่งหน้ามุ่ยเชียว

Minutes to Midnightเริ่มเห็นเค้าลางความแก่ของแต่ละคนแล้ว เชสเตอร์ได้ลูกแล้ว ไมค์ก็หมั้นแล้ว แต่ละคนหน้าตาแก่ลงไปตาม


จ๊าก กกก...... LP หรือเนี่ย นึกว่าวงรุ่นพ่อเราซะอีก เป็นครั้งแรกที่เราเห็นเชสเตอร์หล่อในสายตาเรา และไมค์ผอมลง และหล่อขึ้น คนเดียวที่ความหล่อไม่เปลี่ยนแปลง คือ ร็อบ ไม่ว่ายังไงร็อบยังหล่อเหมือนเดิม

LP เป็นวงเดียวที่เราฟังเพลงแล้ว ไม่เคยเบื่อ ฟังได้ตลอด ทุกครั้งที่ฟังก็มัน ถึงเป็นผู้หญิงก็ชอบ LP ได้น่ะ
ไว้ฟังเวลาที่โกรธใครน่ะ ยิ่งได้เสียงของเชสเตอร์ี้นี้ โห... เหมือนได้ระบายออกเลย


อ้าว ส่ายหัวเลย one step closer






เบาๆสบายๆ

ที่จริงไม่รู้จะเขียนเรื่องอะไรเหมือนกัน แต่ก้อยากเขียนเพราะช่วงนี้ว่างมากๆ
ที่จริงอยากเขียนเรื่องหลายๆอย่าง อยากเขียนเรื่องเกี่ยวกับศาสนา ความรู้ แต่ก้กลัวว่าบล็อกเราจะเครียดเกินไป หรือเขียนเกี่ยวกับตัวเองก็เยอะแล้วอ่ะ เปลี่ยนแนวบ้างก้แล้วกัน

เอาเป็นความันเทิงล่ะกัน เอาเป็นว่า มาดูวงดนตรีวงนี้ดีกว่า เรารู้จักวงนี้ตอนเรียนม.ปลาย ตอนนั้นเกิดกระแสคลั่งญี่ปุ่นมาก สมัยที่เกาหลียังไม่เกิด เราก็รู้จักวงนี้โดยการขอยืมหนังสือพวกผู้ชายที่บ้านักร้องญี่ปุ่นมาอ่าน
วงนี้ชื่อ Glay หรือ สีเทานั้้นแหละ เอาเพลงมาให้ดูเนื่องจากเราฟังเมโลดี้แล้วชอบมาก ทำนอง แต่ไม่รู้ความหมายของเพลงหรอก แต่ฟังแล้วน่าจะเพราะอะน่ะ อีกอย่างอยากให้ดูการไปดูคอนเสริต์ของคนญี่ปุ่น ว่าเวลาเขาไปดคอนเสริต์ เขาจะอินกับเพลง จนร้องให้ออกมา เลยคิดว่าเพลงนี้มันต้องซึ้งแน่เลย เลยเอามาให้ดูกัน




รู้ป่าวค่ะว่าศิลปินพวกนี้อ่ะ เวลาล้างหน้า ทำผมธรรมดาๆ หล่อเอาการเชียวล่ะ


วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2552

LP Rock you

Leave out all the rest



I dreamed I was missing
You were so scared
But no one would listen cause no one else cared

After my dreaming
I woke with this fear
What am I leaving when I'm done here?

So if you're asking me I want you to know

When my time comes
Forget the wrong that I've done
Help me leave behind some reasons to be missed
And don't resent me
And when you're feeling empty
Keep me in your memory
Leave out all the rest

Leave out all the rest

Don't be afraid of taking my
I have shared, but I'm me
I'm strong on the surface
Not all the way through
I've never been perfect
But neither have you

So if you're asking me I want you to know

When my time comes
Forget the wrong that I've done
Help me leave behind some reasons to be missed
Don't resent me
And when you're feeling empty
Keep me in your memory
Leave out all the rest

Leave out all the rest

Forgetting?
All the hurt inside you have learned to hide so well
Pretending?
Someone else can't come and save me from myself
I can?t be who you are

mike shinoda

เรื่องขอเขียนถึงศิลปินที่ยังชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มากๆคนนึง

มันเริ่มมาจากฟังเพลงของเขา แล้วงงว่าตานี้ร้องแร็พหร่อยเนอะ ดูหน้าตาก็ โอ๊วววววว สเปคเลยล่ะ

เลยเริ่มชอบหนุ่มคนนี้ตั้งแต่นั้นมา

หนุ่มคนนี้อารมณ์ศิลป์ ทั้งแต่งเพลง เล่นดนตรี และงานศิลปะ ถึงขนาดมีงานแสดงภาพวาดเป็นของตัวเอง

งั้นเราขอแนะนำหนุ่มคนนี้ดีก่า เขาคือ Mike Shinoda ประวัติขอลอกมาจาก hi5 เราเลยล่ะกัน

Mike เป็นผู้ที่นำดนตรีHip-hopเข้ามาผสมในบทเพลงของLP ด้วยเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ทำให้Mikeจัดเป็นคนเก่งคนหนึ่งในวงการเพลง


ชื่อ: Michael Kenji Shinoda.

ตำแหน่ง : Vocals, Beats + Samples, Keyboards, Guitar

อุปกรณ์ที่ใช้ :
Audio Technica wireless mic
PRS guitars
Mesa Boogie Dual Rectifier heads
Mesa Boogie cabinets
Digidesign Protools software & hardware
Anteres software
Waves software
Emagic hardware
Roland keyboard modules
AKAI S-900 & MPC 2000 samplers
การศึกษามัธยม: Agoura high school.

จบจาก:The Pasadena Art College of Design เรียนเอก illustration but studied graphic design heavily

ผลงานเพลงชิ้นแรกที่ซื้อ: Bon Jovi Slippery When Wet! :-)

งานก่อนหน้านี้:Graphic designer

แรงบันดาลใจ: เพราะConcert Killer B's show.

Mike เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น(พ่อเป็นญี่ปุ่น แม่เป็นสหรัฐ

Mikeมีชื่อกลางว่า Kenji

Mikeชอบฟังเพลงของ Kittie, the Sneaker Pimps, Portishead, Madonna, Dido, etc...

Mike ได้งานเกี่ยวกับgraphic designer หลังจากจบมหาวิทยาลัย

อัลบั้มที่ Mikeชอบฟัง มีดังนี้:
Deftones - "White Pony" ,The Roots - "Things Fall Apart" , Nine Inch Nails - "The Fragile" ,
Black Eyed Peas - "Bridging The Gap" , Incubus - "Make Yourself" , System Of A Down -
"System Of A Down" , Dido - "No Angel" , Jurassic 5 - "Quality Control" ,Stone Temple Pilots - No.2"
Eminem - "The Marshall Mathers LP" .



in the end

ศิลปินน้อย


หลานตัวน้อยของเรา เกิดอยากเป็นศิลปินน้อยขึ้นมา เลยเอากระดานให้วาด วาดเสร็จถามว่ารูปอะไร

หลานตอบว่า รูปอุลตร้าแมนคับ


อีกคนเลยมาแจมด้วย อ๋อลืมบอกไป ฝีมือเด็กอนุบาลสองค้า

in the kitchen ตอน เนื้อต้มซอสแดงกับยำไก่กรอบ

วันนี้ห้องครัวของเราจะมาเสนออาหาร เป็นเมนูง่ายๆที่ได้มาจากกากรทำเนื้อแดง แต่ขี้เกียจเอาน้ำออก
แลยปรุงรสซะเลยขั้นแรกหั่นเนื้อชิ้นเล็กเลยค่ะ ถ้าเราต้องหารเนื้อแดงก็ต้มทั้งก้อน แต่นี้จะกินทั้งน้ำก็เลยต้องหั่นเป็นชิ้นๆ
ใส่ลงในหม้อ แล้วใส่ซอสแดง ใส่ไปเยอะๆๆๆๆเลยค่ะ ตามด้วยน้ำปลา น้ำตาล แล้วซอสปรุงรสออกหวานๆ
กำลังเดือดเลย ปุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


เมนูต่อไป ยำไก่กรอบ ค้าอันแรก ไก่กรอบค่ะ คล้าย kfc แต่ราคาถูกกว่า ไม้ละ 5 บาท แถวบ้านยังเอง ถ้าทำเองจะเสียเวลาเลยซื้อดีกว่า แล้วเอามาหั่นเป็นชิ้นๆๆๆๆ น่ะค่ะต่อจากนั้น ทำน้ำยำค่ะ เอามะนาวมาคั้นๆๆๆเอาแต่น้ำ แล้วเอาใส่น้ำตาลปี๊บ เกลือ มะนาว พริก ขอเผ็ดไว้ก่อน เห็นสีแล้วน่้ากินมากใช่ม้า้


อาหารสำหรับมื้อนี้ค่ะ พร้อมสำหรับทาน