วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

I Tired

แต่ละวันนอนมองดุฟ้าด้วยความสงสัย ว่าทำไมคนเราถึงต้องมีความเหงา

ชีวิตก็ยากอยู่แล้ว ไม่เคยเป็นของเรา ทุกๆมีเรื่องให้ทำมากมาย

แต่ละวันวงจรชีวิตก็ดูซ้ำๆ และต้องทำๆๆๆๆและต้องทำต่อไป

บางครั้งฉันไม่รุ้ ฉันทำเพื่อใคร เหมือนไม่มีเหตุผลอะไรให้ทำ

บางครั้งฉันจะอยากจะหายไปจากโลกนี้จริงๆ บางครั้งคิดว่าทำไมไม่มีคนมาดักยิงฉันกลางทางมั้งน่ะ

จะได้หายๆไปจากโลกนี้เสียที ฉันเบื่อกับการที่ต้องทนกับอะไรที่ไม่ได้ดั่งใจเค้า

สิ่งที่ฉันอยากได้ อยากเจอ มันก็กลายเป็นแค่ความว่างเปล่า

สิ่งที่ฉันอยากได้บางทีมันมากไปสำหรับใครบางคน จนทำให้เหนื่อยใจ

ก็ไม่เป็นไรฉันไม่อยากได้แล้ว ฉันจะมีชีวิตของฉันอย่างนี้แหละ

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เรียนต่อ



หลายๆคนชอบมาถามฉันเสมอว่า ทำไมไม่เรียนต่อโท เมื่อไหร่จะเรียนต่อล่ะ เฮ้แกเรียนโทด้วยกันไหม

หรือ ไอ้ยังฉันแกว่าแกน่าจะเรียนต่อโทได้แล้วน่ะ (อันนี้พี่เราพุด ) คำตอบที่เรามักตอบเสมอคือ ไม่มีเงินเรียน ไม่มีเวลา เสียดายตังค์ ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วถ้าเราเรียนพ่อเราจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้หมด

ถึงแม้เราทำงานแล้วเถอะ ไม่มีเวลา เสาร์อาทิตย์เราก็ยังนอนอยู่บ้านสบายเฉิบ


ตอนที่เรียนจบตรีใหม่ๆ พ่อฉันเสนอความคิดให้ว่า ฉันน่าจะเรียนต่อเลย ถ้าปล่อยไปนานๆไฟมันมอด

แต่ฉันอยากจะลองใช้ชีวิตมนุษย์เงินเดือน ลิ้มรสแห่งการทำงาน และอยากจะชื่นชมกับการได้เงินเดือนเดือนแรก เลยสัญญากับพ่อว่า ถ้าฉันยังหางานไม่ได้ฉันจะเรียนต่อโท แต่แล้วฉันก็หางานได้เลยต้องทำงานเรื่อยๆมา และคำสัญญาก็ทวงมาอีก แต่ฉันก็ปฏิเสธได้ว่า ฉันไม่มีเวลาไปเรียนเพราะ รร เอกชนสอนศาสนาอิสลาม เค้าปิดศุกร์ เสาร์ มันไม่ตรงกับกับวันที่เรียนคือ เสาร์ อาทิตย์ ก็เลยคลาดไป แต่มันก็มีถามขึ้นมาเรื่อยๆ ตอนนี้ก็มีถามอีกล่ะ พอหน้าที่การงานเริ่มจะมั้นคง ก็มีคนชวนไปเรียนอีก คราวนี้เลยคิดหน่อย


ที่จริงแล้วเรื่องเรียนต่อมันไม่อยู่ในความคิดเราแล้วล่ะ ถ้าเราไปเรียนเราก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเราจะเรียนอะไร ถ้าอาชีพครูที่ฮิตที่สุดคือ บริหารการศึกษา เพราะตรงเป้าหมายและสามารถนำไปใช้ในงานของตัวเองได้ ตอนแรกคิดจะะเรียน อังกฤษ แต่ไปมาๆคิดว่าพื้นฐานเราคงไม่ได้เท่าคนที่จบตรีมา สุดท้ายฉันก็เลยไม่อยากคิดเรื่องเรียยนต่อ ฉันให้คำตอบกับตัวเองว่ า เด่วให้ฉันคิดก่อนว่าฉันจะเรียนอะไร เรียนไปทำไม

ถ้าเราให้คำตอบกับตัวเองได้ เราก็จะเรียน


ฉันได้ยินคำพูดที่มีคนนึงพูดไว้ว่า ตอนนี้ปริญญาตรีอย่างเดียวไม่พอกินหรอก


เฮ้อ .... เค้าก็เลยเรียนเพื่ออัพเกรดของตัวเอง ว่าวั้น บางคนอายที่จะไปขอสาวโดยพกปริญญาตรีไป แต่ถ้ามีโทไปหน่อย ไม่แน่อาจยกลูกสาวให้ฟรีๆมั้ง ถ้าการเรียนจบโทเป็นการบอกว่าคนๆนั้นเก่ง ฉันก็ขอโง่กับปริญญาตรีนี่แหละ เพราะฉันยังคงความคิดแบบโบราณๆว่า ผู้หญิงไม่ต้องเรียนสูงมากก้ได้ แต่ฉันกลับอยากได้ผู้ชายที่เรียนสูง เพราะฉันคิดว่าผู้ชายควรที่จะเป็นฝ่ายเรียนสูงมากกว่าผู้หญิง เนื่องด้วยปัจจัยหลายๆด้าน

ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ การงาน ต่างๆหรือเรื่องต่างๆที่ต้องรับผิดชอบ หรือหัวหน้าครอบครัวผู้ชายต้องเป็นคนที่มีความรุ้ เพราะฉะนั้นไม่แปลกเลยที่ผู้ชายควรจะเรียนสูงๆเข้าไว้ แต่พอเรียนสูงปัญหารที่ตามมาคือ เหยียบดินไม่ได้ ประมาณว่า ฉันเก่งกกว่าเธอ ฉันดีกว่าเธอทำไมฉันต้องยอมเธอ ต้องลดตัวไปทำอะไรๆที่เธอสั่งแบบนี้ก้ขอปริญญาตรีอย่างเดิมดีก่า


ฉันไม่ต้องการเป็นคนเก่งในสายตาใคร ไม่อยากโดดเด่นในสังคม ฉันขอเป็นแค่คนธรรมดาคนนึง

ถ้าการเรียนโทมันทำให้ฉันเด่น เก่งในสายตาคนอื่น ฉันไม่ค่อยภูมิใจเท่าไหร่ แต่ถ้าฉันเป็นคนเก่ง คนดีและเด่นในสายตาของคนที่ครอบครัวของฉัน คนรักของฉัน ถึงแม้ว่าจะจบแต่ตรีฉันก้ภูมิใจมากก่า


ตอนนี้ฉันอยากเรียนโท คณะบริหารจัดการครอบครัว วิชาเอก การปกครอง การดูแล การจัดการ ภายในครอบครัว วิชาโท การอาหารและงานบ้านงานเรือน มีมหาลัยที่ไหนเปิดสอนบ้างค่ะ


วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ความสุข


วันนี้ถือเป็นฤกษ์ดีที่เรากลับมาขายของอีกครั้ง หลังจากที่หยุดไปนานเนื่องด้วยความเซงที่โดนแย่งที่
และประกอบกับไม่ค่อยว่างในช่วงวันที่มีตลาดนัด อีกทั้งผู้ช่วยขนของและจัดของให้เราได้หนีไปอยู่พัทลุงแล้ว เลยขี้เกียจขนของเอง


วันนี้กลับหวั่นใจว่ามันจะขายของได้มากเท่าไหร่อ่ะ เพราะของที่มีมันก็เป็นของค้างมานาน แถมหลังๆมาเนี่ยมีร้านขายแบบเดียวกะเรามาขายด้วย ก็เลยคิดว่าต้องหาอะไรใหม่ๆมาขายบ้างล่ะ หรือนานๆมาขายที
แต่กลับผิดคาดวันนี้มีคนมาซื้อเยอะแฮะ ไม่ว่าใครต่อราคาเท่าไหร่ก้ลดหมดเพราะขี้เกียจให้มันค้างๆจะได้ถ่ายไปให้หมดๆ จะได้ซื้อของใหม่มาขาย


พอขายได้สักพักมีลุงแก่ๆคนนึงเดินไปเดินมา ถือถุงใบนึง เราก็งงว่าลุงแกมาทำอะไรเนี่ย คนขายข้างๆเราถามว่า จะทำอะไรหรอ เขาบอกว่าจะขายยา เขาก็บอกว่ามานั่งข้างๆนี้ก้ได้ ว่าแล้วลุงแกก็นั่งและก็ขาย
มีคนมาดูยาแกมาก แต่เราไม่รู้ว่ามีคนซื้อป่าว ดูลุงคนนั้นแล้วทำให้เรานึกถึงตอนที่เราไปมาเลย์ ตอนที่พักริมทางกินข้าวเที่ยง เราก็กินๆข้าวอยู่ สักพักมีลุงแก่ๆคนนึงเดินเป๋ๆมา แล้วมาขายยาเรา ด้วยความที่เรากินข้าวอยู่เราก็บอกว่าไม่เอา แล้วลุงก็เดินไปตามโต๊ะอื่นๆ ตอนนั้นใจเรากำลังกังวลจะไปโทรศัพท์กลับไปที่บ้าน เพื่อให้คนที่บ้านมารับเราที่กำลังจะกลับในวันนี้ เลยไม่ได้สนใจตาลุงมากนัก แต่พอเรากลับมาบ้าน

เรานึกยังไงไม่รู้ดันคิดถึงลุงคนนนั้นขึ้นมา แล้วก้รุ้สึกผิดกับตัวเองว่า ทำไมตอนนั้นเราไม่คิดที่จะให้เงินกับลุงคนนั้น ถึงแม้ว่าเราไม่ซื้อยาก็ตาม ว่าแล้วน้ำตามันก้ไหล ไม่รุ้ว่าไหลทำไมเหมือนกัน แต่รู้สึกเจ็บใจตัวเองที่เพิ่งคิดได้ตอนนี้ ทำไมเราไม่คิดให้เร็วกว่านี้ จะได้ให้เงินลุงนั้นไป เราร้องให้รู้สึกว่าไม่มีเหตุผลเหมือนกันที่ร้องให้แต่เราก็ร้องไม่รู้เพราะอะไร ถ้าย้อนเวลากลับได้เงินที่เหลือในกระเป๋าที่เป็นเงินมาเลยืเราคิดว่าจะให้เขาหมดเลย


มาวันนี้เราเจอกรณีเดียวกัน เราก้คิดว่า ถ้าประเดี๋ยวเราเก็บของเสร็จอ่ะน่ะ เราจะให้เงินแกสักหน่อย ว่าแล้วพอเก็บของจะกลับบ้านเสร้จ เราก็เดินไปหาแก แล้วถามว่า จะไปไหนต่อ ลุงตอบว่า จะกลับบ้านแล้ว

เราก็ควักเงินให้แกไปแล้วบอกว่า เราซาดาเกาะห์ให้น่ะ ลุงรับเงินจากเราแล้วกล่าวพึมพำอะไรไม่รู้เหมือนกับตอบขอบคุณเรา แล้วเอาเงินเราไปทาบที่หน้าอกเขา คนที่ขายข้างๆก็มองเรา เราก้เดินยิ้มออกไปรู้สึกว่าครั้งนี้เราทำถูกต้องแล้วน่ะ เราจะไม่ปล่อยให้เราต้องเเจ็บใจตัวเองอีกแล้ว จะไม่เป็นเหมือนครั้งก่อนแล้ว

พอจะกลับเราก้เห็นลุงคนนั้นเดินไปซื้อข้าว ไม่รู้ว่าเอาเงินเราไปซื้อป่าวน่ะ แต่เราไม่บอกว่าเราให้กี่บาท
ก็มากพอเอาไปซื้อข้าวได้หลายมื้อมั้ง อิอิ


มีความสุขจังเลยวันนี้