วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552
เรื่องเล็กน้อย
เค้าต้องการมาพบฉันเนื่องจากเรื่องบางอย่าง ซึ่งมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเราโดยตรง แต่บังเอิญวันนั้นเรา
ลากิจพอดี เพื่อนครูคนอื่นเลยรับกรรมแทนฉัน เพราะคนนั้นท่าทางหาเรื่องจริง ดีที่พี่คนนั้นช่วยแก้สถานการณ์ไว้ได้
ฉันรู้เรื่องโดยคนสนิทของฉันโทรมาบอกว่าเกิดอะไรขึ้นที่ รร ตอนแรกฉันเครียดมาก เพราะไม่นึกว่ามันจะเป็นแบบนี้ ฉันพยายามโทรหาเพื่อนที่ รร หลายคน แต่ไม่มีใครว่างรับสายเลยเพราะกำลังสอนอยู่
แต่หลังจากนั้นฉันเพียรโทรหาคนอื่นๆเรื่อยๆอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นและเป็นยังไง แต่ทุกคำตอบที่ได้คือให้ฉันสบายใจได้ ไม่ใช่เรื่องร้าวแรงและใหญ่โตอะไร ทุกคนเข้าใจและแก้สถานการณ์ไว้เรียบบร้อยแล้ว โดยเฉพาะพี่ๆใน รร ที่ช่วยเราไว้เยอะมาก ออกรับและแก้ตัวแทนและยังแอบจิกด่ากลับแถมไปด้วย ทำให้เรารู้สึกว่า ทุกคนจริงใจกับเราจริงและทุกคนก็ไม่ถือว่าเราเป็นคนผิด เพราะเรื่องมันเล็กน้อยมากแต่คนๆนึงกลับทำให้เป็นเรื่องใหญ่ และพาลไปถึงหลายๆเรื่องหลายๆคน นั้นคือน้ำใจของทุกคนที่มีต่อฉัน
และตลอดเวลามีคนๆนึงอยู่ในสายกับฉันตลอดเวลา ในวันนั้นฉันกำลังเดินทางผ่านหุบเขาที่บางทีสัญญาณ
ก็ขาดหายไปเฉยๆ พอสัญญาณมาก็มีสายเข้าทันที บางทีฉันไม่พูดอะไรเงียบก็ไม่วางสาย ถือมันไปเรื่อยๆแบบนั้นแหละ เค้าก็ต้องถามว่า คิดอะไรอยู่ ไม่ต้องคิดมาก เรื่องมันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราคิดหรอก แค่คนๆเดียวที่เป็นแบบนี้ เป็นแค่ส่วนน้อยแล้วจะให้ความสำคัญกับสิ่งเล็กๆน้อยๆอย่างนั้นหรอ ทุกครั้งที่สายเข้าเวลาหลุดไปจะคอยถามอยู่ตลอดว่า เป็นไงบ้าง หายเครียดยัง และพยายามหาเรื่องคุยตลอด และอยู่กับเราจนเค้าอาซานละหมาดวันศุกร์ พอละหมาดเสร็จก็ต่อสายมาอีก
จนถึงตอนนี้อยากจะบอกขอบคุณจริงๆสำหรับความช่วยเหลือ ไม่ทิ้งกันและออกรับแทนกันโดยที่ไม่เกี่ยงว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเราทำไมต้องไปยุ่งด้วย ทำให้เรารู้ว่า อย่างน้อยก็ยังมีคนที่ดีจริงใจกับเราจริงๆ
และหลังจากวันนั้นฉันได้รู้อะไรในหลายๆเรื่อง เรื่องที่จะทำให้ฉันเข้าใจและอยู่ในสังคมนั้นได้อย่างมีความสุข
ขอบคุณน่ะทุกคน ..............................
วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552
คืออะไร
วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552
รูปเก่าๆ
รูปนี้ถ่ายกับแม่ค่ะ เสื้อดำ ส่วนด้านหลังอ่ะ ยาย ค่ะ วันนั้นจำได้ว่าไปงานศพของใครสักคนนี่แหละ อาการเลยออกมาอย่างที่เห็น ชอบตรงที่แม่มองเราเหมือนห่วงเราจังอ่ะ เรากำลังง่วงพอดี ก็เลยซบแม่อย่างนั้น
เฮ้อ ตอนนี้ก้ไม่มีแม่ให้กอดให้ซบแล้วสิ เศร้าจัง ต้องกอดตัวเอง
ส่วนด้านหลังคือ บรรดากองเชียร์ ญาติๆ มี อาแบ มีพี่สาวฉัน ซูมะ กะญ๊ะ และกะนุช ซึ่งทั้งหมดมีครอบครัวและลูกๆก็โตๆ กันแล้ว เหลืออาแบคนเดียวที่ยังซิ่งไม่เลิก ไม่มีครอบครัว
ปัจจุบัน คนซ้ายคนขวา มีครอบครัวมีลูกหมดแล้ว เหลือคนกลาง ยังโสด ......
แสงจ้าไปหน่อย เพราะถ่ายมาจากกล้อง ไม่ได้สแกนมา กับพี่สาวยังเอง ตอนที่ยังอยู่บ้านเก่า อายุห่างกะพี่มากเลยอ่ะ แปดปี พี่ตัวโต แต่น้องยังตัวเท่ากะเปี็ยกอยู่อีก ตอนนั้นรู้สึกว่าจะอยู่ประมาณอนุบาลอ่ะน่ะอันนี้ตอนไปเที่ยวกับครอบครัวญาติๆ ไปหลายคนมากไม่ต่ำกว่าสิบคนได้มั้ง เลยมาเล่นเครื่องเล่นกัน ยังก็คือสาวที่หันหน้ามาหากล้องนั้นแหละ
วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552
RaMaDon
วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ที่ทำไปมันผิดรึป่าว
วันนั้นเรากับพี่กำลังยืนต่อแถวเพื่อที่จะจ่ายเงินของในรถเข็นในห้างแห่งหนึ่ง ขณะที่กำลังรอก็มีสาวคนนึงคาดว่าอายุมากกว่าเราประมาณสองสามมปี เดินมา ถือรองเท้าแตะมาคู่นึง พร้อมทั้งยิ้มน้อยๆถามเราว่า
ฝากจ่ายให้หน่อยได้ไหม พี่เราไวกว่า ตอบไปว่า ไปเข้าแถวจ่ายเองสิ ว่าแล้วสาวคนนั้นจากยิ้มแป้นก็กลายเป็น หน้ามู่ทู่ เหมือนกระดาษยับๆ แล้วเดินออกไป พี่ฉันเลยพุดว่า
อะไรกัน ซื้อของแล้วจะมาเข้าแถวรอจ่ายเองไม่ได้ ถ้าจ่ายเองไม่ได้ก็ไม่ต้องซื้อ ทุกคนเค้าก็เข้าแถวทั้งนั้น
ตัวเองเห็นแก่ตัว จะฝากให้คนอื่นจ่าย
แล้วฉันก็ชำเลืองดูคนก่อนหน้าเรา เค้าซื้อของเพียงอย่างเดียวเหมือนกัน แต่เค้าก็เข้าแถวรอจ่ายเงินโดยที่เค้าไม่ได้ไปฝากให้คนอื่นจ่าย
ฉันก็คิดว่าที่ฉันทำไปมันผิดหรือป่าว อาจจะผิดในฐานะที่ไม่ช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมด้วยกัน
ช่วยเหลือหรอ คำนี้มันน่าจะใช้กับคนที่ลำบาก แต่คนนี้ลำบากที่ไหน แขนขาก็ไม่ได้ขาด บ้านไม่ได้ยากจน
เห็นแก่ตัวต่างหาก ไม่อยากรอนานเลยเลือกคนที่ใกล้ๆวานให้จ่ายหน่อย
แต่อีกแง่นึง มันก็จะไปส่งเสริมความเห็นแก่ตัวของคนบางคนให้มากขึ้น ในภาพรวมคนอื่นเขาก็มองคนมุสลิมเป็นคนที่ไม่ดีอยู่แล้ว พอมาทำแบบนี้อีก คนอื่นก้ยิ่งมองไม่ดีกันใหญ่ เหมือนกับส่งเสริมกัน
พอเธอจ่ายเสร็จ คุณเธอก็เดินไปหาสามีเธอพร้อมทั้งทำหน้าทำตา เดาว่าน่าจะเล่าเรื่องของเรา เพราะจุดที่เราจ่ายตังค์ มันตรงกับที่สามีเธอนั่ง ทำหน้าทำตาเล่าไป เราเดาออกเพราะสายตามันฟ้อง สุดท้ายเราเดินไปใกล้แล้วพูดว่า หน้าไม่อาย รู้จักกันก้ไม่รู้จัก เอามาให้จ่ายหน้าตาเฉย แถมยังเอาเรื่องแย่ๆของตัวเองไปเล่าให้สามีฟังอีก แบงัง...............................................
ไม่น่าไปสงสารมันเลยรู้งี้ น่าจะด่าเปิงอีกรอบ
เรื่องที่สอง ...
วันนี้คาบที่ฉันสอน นักเรียนมันพูดมาก ฉันเลยบอกว่า งั้นครูไม่สอนแล้วให้เธอเขียนเยอะๆ สงสัยเธอคงชอบเขียน พอลงมือเขียนปุ๊บ มีนักเรียนขออนุญาตไปกินน้ำ สี่คน ฉันเลยบอกว่า ให้เวลาสองนาที ถ้ายังไม่ขึ้นมา โดนดีแน่ ผ่านไปสองนาที ก็ไม่ขึ้นมา ก็เลยลงไปตาม เห็นพวกมันนั่งทอยลูกแก้วกับเด็ก ป.สอง
ไม่อยากพูดมากจึงกวักมือขึ้นมา
พอขึ้นมาได้ ก็จับหนังสือเล่มนึง มาม้วนๆๆๆๆๆ แล้วถามนักเรียนว่า
มนุษย์ตัวไหนบอกว่าจะไปกินน้ำเมื่อกี้ แล้วไปทำบ้าอะไรตรงนั้น
เห็นว่าฉันใจดีใช่ไหม ป๊าบ
พวกเธอก็เลยเหลิง ปีาบ
ไม่รู้จักว่าใครครูใครนักเรียน ป๊าบ
โกหกฉันได้หน้าด้านๆ ป๊าบ
โดนไปทั้งหมด สี่คนด้วยกัน หลังจากนั้นพวกนั้นนั่งเงียบทำงานจนเสร็จเรียบร้อย
ฉันจึงส่งท้ายว่า ทีหลังห้ามโกหก ถ้าฉันจับได้ ฉันเอาหนักแน่
ฉันทำไปมันผิดหรือป่าว
ฉันไม่ได้แค้นใจตีเล่นๆ แต่ไม่ชอบที่พวกมันหลอกฉัน โกหกฉัน แถมยังมาล้อเลียนอีก
เรียกว่าพวกนี้มารยาทมันหดหายไปหมด เลยสั่งสอน ซะหน่อย เพราะฉันเป็นครูที่ใจดีเกินไป
นักเรียนมันเลยเหลิง
ฉันอาจผิดในเรื่องที่ฉันไปตีลูกคนอื่น เพราะบางคนพ่อแม่เค้ายังไม่เคยตีเลย
แต่ฉันอาจทำถูกในเรื่องหน้าที่ของครูก็ได้ จริงม่ะ
วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เปลี่ยนโหมดตัวเอง
วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552
in today
จนบางครั้งลืมนึกถึงสิ่งที่เราเคยทำ และสิ่งที่เราชอบทำที่สุด
หลายวันที่ผ่านมานี้ พอกลับจากโรงเรียน ตัวเองต้องมานั่งพิมพ์เอกสารที่ยังไม่ครบพร้อมกับบันทึกต่างๆที่
ต้องทำให้มันเป็นปัจจุบัน ไหนจะส่ง E-network บางครั้งก็ต้องเซฟหนังสือรับจากเขตไปให้ธุรการโรงเรียน
ที่ทำให้ไม่ได้พิศวาสอะไรหรอกน่ะ แต่ทำเพราะเห็นว่าเราเล่นเนตบ่อยและที่ รร เนตมันมาๆขาดๆ บางวันต่อ
เนตไม่ได้เลย ทำให้งานรับหนังสือไม่เดิน เราก็ไปเซฟให้เพราะยังไงมันก็งานของโรงเรียนเราเอง
จากการที่ต้องนั่งแหงกเป็นเวลานานๆ ทำให้เราลืมตัวของเราเอง ลืมสิ่งที่เราชอบทำมากที่สุด
หนังสือที่เราซื้อห้าเล่มเรายังไม่ได้อ่านเลย บางเล่มซื้อมาตั้งแต่สิงหาปีที่แล้วก็ยังไม่ได้เปิดอ่านเหมือนกัน
ลืมสิ่งที่เราชอบทำมากที่สุด คือ ปักครอสติช ซึ่งแต่ก่อนเราบ้าเอาการมาก เรียกได้ว่า ทำเสร้จปุ๊บต้องหา
รูปใหม่มาต่อทันที มันฝึกสมาธิเราได้มาก แต่ตอนนี้เราไม่มีเวลาจะไปหา หรือถ้าปักคงคาไว้แบบนั้นอีกนาน
กว่าจะเสร็จ
เราทำอะไรๆจนลืมนึกถึงตัวเอง ตอนนี้ปล่อยให้สิวขึ้นจนเหลือรอยดำให้จัดการต่อไป ปล่อยให้ผอมบักโกรก
เวลาสองเดือนน้ำหนักลดไปแล้วสี่กิโล แต่ก่อนอยู่ รร เก่า อุดมสมบูรณ์มาก น้ำหนักพุ่งมาอยู่ที่ 47 โล แต่มา
ตอนนี้ไปชั่งมาเหลือ 43 โล มิน่าล่ะช่วงนี้กางเกงใส่ไม่ค่อยอยู่เลยต้องเอาเข็มขัดมาช่วยตลอด และจากการ
ที่ผอมบักโกรก ก็เลยทำให้เรากลายเป็นคนเบื่ออาหารอย่างสมบูรณ์ ช่วงนี้ปฏิเสธอาหารทุกอย่าง คือรู้สึก
ว่าไม่อยากกิน ไม่อยากแตะต้อง นึกไม่ออกว่าจะกินอะไร ขนาดพี่เรายังถามเลยว่า แกกินอะไรบ้างล่ะวันๆนึง
ช่วงนี้ตอนเช้าก็ไม่ค่อยอยาก กินแค่นมกล่องนึง พอเที่ยงก้กินข้าวเที่ยงอ่ะแหละเพราะใช้พลังงานเยอะ
แต่พอตอนบ่ายกลับมาปั่นงานก็พึ่งกาแฟถ้วยนึง หรือชาเย็นถุงนึง กับลูกชิ้นสามไม้ก็ไม่กินอะไรแล้ว ขนาด
วันเสาร์วันนัดมีอะไรให้กินเยอะ แต่ตอนเช้าเรากินข้าว แต่ตอนเที่ยงไม่กิน แล้วบ่ายสามก้ไปหาขนมกิน
แล้วก็กาแฟถ้วยนึง แล้วก็ไปปั่นงานต่อ มันก็เลยเบื่ออาหารอย่างต่อเนื่อง จนคนบอกว่าเราท้องพลาสติก
แต่ชีวิตเราก็ยังมีความสุขนะ ยังสนุก หัวเราะ ขำ และยังสังสรรค์กับเพื่อนได้เหมือนเดิม ยังมีเวลาอยู่กับ
ครอบครัว ยังมีเวลาเล่นกะหลาน ยังไปเที่ยวได้ เพียงแต่เราไม่มีเวลาให้ตัวเองก้เท่านั้น
วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
I Tired
ชีวิตก็ยากอยู่แล้ว ไม่เคยเป็นของเรา ทุกๆมีเรื่องให้ทำมากมาย
แต่ละวันวงจรชีวิตก็ดูซ้ำๆ และต้องทำๆๆๆๆและต้องทำต่อไป
บางครั้งฉันไม่รุ้ ฉันทำเพื่อใคร เหมือนไม่มีเหตุผลอะไรให้ทำ
บางครั้งฉันจะอยากจะหายไปจากโลกนี้จริงๆ บางครั้งคิดว่าทำไมไม่มีคนมาดักยิงฉันกลางทางมั้งน่ะ
จะได้หายๆไปจากโลกนี้เสียที ฉันเบื่อกับการที่ต้องทนกับอะไรที่ไม่ได้ดั่งใจเค้า
สิ่งที่ฉันอยากได้ อยากเจอ มันก็กลายเป็นแค่ความว่างเปล่า
สิ่งที่ฉันอยากได้บางทีมันมากไปสำหรับใครบางคน จนทำให้เหนื่อยใจ
ก็ไม่เป็นไรฉันไม่อยากได้แล้ว ฉันจะมีชีวิตของฉันอย่างนี้แหละ
วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
เรียนต่อ
วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
ความสุข
วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552
เปลี่ยนแปลง
หลังจากเปิดเรียนได้ 2 สัปดาห์ ก็ต้องเจอการเปลี่ยนแปลงแบบกะทันหัน นั้นคือ การเปลี่ยนตำแหน่งและโรงเรียน
แรกๆก็ดีใจอ่ะน่ะที่ได้ตำแหน่งที่ดีขึ้น แต่อีกใจนึง มันกลับเหงาอย่างบอกไม่ถูก
เคยอยู่ รร นี้ สนิท สัมพันธ์กับพวกพี่ๆ จนคิดว่า ไม่อยากจะไปที่ไหนแล้ว
กำลังคิดว่า รร ที่จะไปอยู่ใหม่นี้ มันจะเป็นไง จะมีเหมือนที่เราเคยเจอบ้างหรือป่าว
มันเศร้าน่ะ ที่คิดว่าจะจากที่นี่ไปแล้ว และวันที่เราต้องจากไปก็มาถึงจริงๆ
เรารู้แล้วล่ะว่าวันนี้เราต้องเจออะไรบ้าง เตรียมคำพูดมาอย่างดีเพื่อที่จะอำลากับนักเรียนหน้าเสาธง
พูดไปแรก ๆๆ มันก็ดี แต่พอหลังๆ มันเกิดอาการต่อมน้ำตาแตกขึ้นมา ร้องให้ไม่อายประชาชี
เจอใครเข้ามาปลอบก็ร้อง ๆๆๆๆ อยู่นั้นแหละ แม้เวลาที่เขาไปส่งตัวที่ รร ใหม่ พอทุกคนกลับกำลังจะกลับ
ก็ร้องให้อย่างไม่อายครูที่ รร ใหม่เลย จนครูเขาตกใจวา่ ร้องทำไม ไม่เป็นไรน่ะ เด่วพี่ดูแลเอง
เหอๆๆๆ สรุปแล้ววั้นนั้ร้องทั้งวัน หลังจากนั้นวันศุกร์นี้ก็ต้องไปงานเลี้ยงส่งต่อ สนุกแน่คราวนี้
วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
มีอะไรใน linkinpark.com
นี่คือหน้าแรกของเว็บ เป็นส่วนของ Home ที่จะมีรายละเอียดต่างๆที่เราสามรเข้าไปดุได้ ตั้งแต่ด้านบนสุดที่เป็นส่วนของ Band จะมีข้อมูลของสมาชิกต่างๆ มีรูป และหน้าแรกมีจอเล็กๆ ที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับวีดีโอของ ลินคิน ภาพเบื้องหลัง หรือส่วนที่เรียกว่า LPTV มีทั้ง MV เบื้อหลังการถ่ายทำ อะไรๆที่น่ารักของลินคิน บางครั้งเราดูยังแอบขำเล็กๆ
ส่วนนี้เป็นส่วนของ LPTV ในส่วนของงานแกลลอรี่ที่ไมคืจัดแสดง ภาพวาดของไมค์ ที่นำมาจัดนิทรรศการ มีพาไปดูบรรยากาศงานต่างๆ
ส่วนนี้ เอ็มวี in the end ข้อดีอย่างหนึ่งที่สังเกตเห็นคือ เอ็มวีจะมีภาพที่คมชัดมากกว่าที่ดูใน youtubeอีก
สุดท้ายก็คือ แกลอรี่รูปของพวกเขา ที่จริงมีอีกมาก ต้องไปดูเองใน http://linkinpark.com เลยค้า
วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
หายใจอีกครั้ง
ผลสอบที่ฉันรอคอย .... มันก็เป็นจริง ในที่สุด .. ฉันก็ทำได้ และ ฉันต้องทำต่อไป
ฉันคิดว่าสิ่งนี้มันเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ความประสงค์ของอัลลอฮ
ฉันเคยได้ยินคำนี้ว่า ความพยายามอยู่ที่เรา ความสำเร็จอยู่ที่อัลลอฮ และมันก็จริงด้วย
ที่เหลือตอนนี้ฉันต้องแข่งกับคนอื่นแล้ว ที่ผ่านมาฉันแข่งกับตนเอง
และเป็นอีกครั้งที่ฉันได้คำชมดีๆจากคนในครอบครัวของฉัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันมีความสุขมากที่สุด
และยินดีมากกว่าคำพูดที่ใครๆพูดกัน ถึงแม้จะคนนั้นจะเป็นคนรักของฉัน เพื่อนสนิทของฉันก็ตาม
มันดูไม่มีค่า เทียบเท่ากับ คำพูดของคนในครอบครัวเลย
ตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกว่าตัวเองสามารถยืนด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากใคร
อะไรๆในตอนนี้มันก็ไม่มีค่าสำหรับฉันนอกเหนือจากการงานของฉัน เรื่องอื่นอ่ะกลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วทันที
ไม่ว่าจะเป็นความรักที่ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันไม่คิดจะสนใจกับมันอีกแล้ว หรือเรื่องอื่นๆในชีวิตที่ฉันคิดว่าฉันยัง
ไม่ได้ ตอนนี้หยุด หยุด หมดทุกสิ่ง ฉันอยากทำชีวิตของตัวเองให้ดีก่อน ถ้าฉันดีพอ ฉันก็ไม่ต้องง้อใคร
ฉันจะใช้ชีวิตของฉันให้คุ้มค่า ให้มีความสุข กับครอบครัวของฉัน และตัวฉันเอง
และใช้ชีวิตอยู่ในกรอบศาสนาที่ถูกต้อง ส่วนพรุ่งนี้ขอลาหยุดยาว ไปเที่ยว ไปหาความสุขให้กับตัวเอง
ขอทำตัวเหมือนคนติดเกาะ ไม่มีไฟ ไม่มีสัญญาณมือถือ ไม่มีน้ำใช้ คิคิคิ
วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
เรียบร้อยแล้วค่ะ
และแล้ว ระยะเวลาอันยาวนานกับการที่ต้องอ่านหนังสือก็ได้จบลงแล้ว ....
หลายวันที่เราไม่ได้ดูโทรทัศน์ ไม่ได้รับรู้อะไรเลย มีก็แค่ผ่านหู แต่ไม่สนใจ
หลังจากเครียดมาหลายวัน วันนี้ขอกระหน่ำเล่นเกมส์ เล่นเนต ขอดูแจ๋วใจร้าย 55
อะไรอีกมากมาย ให้สาสมกับตัวเองที่เซอร์เหลือกเกินกับการสอบในครั้งนี้
ใครจะไปเดาใจได้ล่ะ วันแรกทำได้และคิดว่า ต้องผ่านแน่ มีความหวังขึ้นมาฉับพลัน เพราะที่อ่านมา
มันออกเปะๆๆๆ เลยยิ้มออกมาจากห้องสอบ แต่วันที่สองมันเหมือนวันแห่งการดับความหวัง
มาวิชาแรกก็โดดโผไปมาก เราอุตสาห์เน้น หลักสูตรแกนกลาง 51 ที่ใหม่นักหนา แต่ว่าออกไม่ถึง 10 ข้อ
ผิดหวังมากมาย และจิตวิทยาที่อุตสาห์จำมากมาย แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมามากมาย กลับกลายเป็นว่า
ออกเรื่องหลักการสอนมากมาย เลยท้อ นี่ยังไม่รวมวิชาเอกอีกน่ะ ตอนบ่ายเลยปล่อยวาง ไม่อยากคิดมาก
แล้ว ทำเท่าที่ทำได้ ออกมาก็หัวเราะสะใจกับตัวเองที่ทำไม่ได้ ขากลับขับรถซิ่งมาก ระบายอารมณ์
ประมาณ 15 นาทีถึงบ้าน แล้วขี้เกียจคิดเรื่องนั้นอีกแล้ว กลับมาเล่นเกมส์ระบายอารมณ์ กับข้าวไม่มี
อารมณ์จะทำแล้วโว็ยยย กินข้าวไม่มีอารมณ์โว้ยยยย สุดท้ายกลางคืนต้องแก้เหงาด้วยการรีดผ้ากองโต
อนาคตผ่านภาค ก ดับสิ้นแล้ว แต่ใครจะรู้บางทีในความมืดมันก็มีแสงสว่างจุดนึงขึ้นมาทำให้เรามองเห็นก็
เป็นไปได้ คิคิคิ เนอะ
วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
ปวดหัวค่ะ
แต่วันนี้ปวดหัวมากค่ะ กับการอ่านหนังสือ
ตื่นมาตอนเช้าปวดหัวซีกซ้ายมาก ร้าวไปทั้งซีกเลย
เลยต้องนอนต่อตอนประมาณ แปดโมง กว่าๆ รอให้รายการคันปาก จบก่อน แล้วต่อด้วย CSI ในช่องเคเบิ้ล
จึงนอน ตื่นมาก็ยังมึนๆอยู่ ยอมรับว่าปวดหัวจริงๆ แต่ก็อ่านหนังสือต่อ ยิ่งอ่านยิ่งมึน แต่ตั้งเป้าไว้ว่าวันนี้
ต้องอ่านจบ แล้วก็ต้องนอนเป็นรอบที่สอง ตื่นมาดันเจ็บที่ต้นคออีก สงสัยตกหมอน
เฮ้อไม่ไหวจริงๆ พยายามอย่างที่สุดแล้วน่ะ ถ้าได้ก้ดี ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552
หยุดชั่วคราวค่ะ
วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2552
แค่อยากรู้ เธอยังไม่ลืมฉัน
"Pooh" he whispered
yes! piglet ?
"Nothing " said Piglet taking Pooh's paw
I just wantd to be sure of you
พิกเล็ตเดินตามพูห์ไปต้อยๆ และคงไม่ได้คุยอะไรด้วยเลย
พิกเล็ตเลยต้องขอเสียงด้วยการเรียกชื่อพูห์ พูห์ ขานรับและถามกลับว่า
มีอะไรหรือพิกเล็ต พิกเล้ตเกาะมือพุห์ไว้ก่อนตอบว่า
เปล่า ไม่มีอะไร แค่อยากมั่นใจว่าเราเดินมาด้วยกันเท่าันั้นเอง
ไม่อยากตามหลังเช่นกัน กลัวไม่ทันกลัวเธอทำฉันหล่นหาย
อยากให้เราเดินเคียงกันไป อยากอุ่นใจและมั่นใจ
ว่าตลอดการเดินทางชีวิตอันยาวไกล เรายังมีกันและกันไปตลอดกาล
ไม่รู้จะชื่ออะไร
หลายวันที่ผ่านมานี้ เพื่อนเราคนนึงมักจะโทรมาหาเราบ่อยๆ พร้อมพรรณาถึงความรักที่คุดของตัวเอง
เราก็ได้แต่ฟัง และปลอบพร้อมด่า นานๆเข้าก็เปลี่ยนเป็นด่า แทนที่จะปลอบ คิดว่าถ้าเขาเข้ามาอ่านบล็อกเรา
ก็ขอมอบข้อความนี้ให้ก้แล้วกัน เพราะเราก็เคยเป็นแบบนั้นมาก่อนเหมือนกัน
เธอตายจากใจฉันไปแล้ว เธอตายได้เจ๋งมาก
ฉันนึกว่าเธอตายไปแล้วจริงๆ
ถ้าคิดจะเอาหัวใจ สมอง ความชิงชัง ไปทุ่มให้ใคร เราจะเหนื่อยเปล่า
ปล่อยให้เขาตายไปจากเราดีกว่า ยอมให้เขาตายจากเราไปดีกว่า เมื่อเราไม่ให้ค่า
เขาก็จะไไม่มีค่า มันขึ้นอยู่ที่หัวใจเรา..... เท่านั้น
ความจริงเวลาที่เราผิดหวังจากใครสักคน เวลาและใจเราเองเท่านั้นที่ช่วยเราได้
ลืมได้หรือลืมไม่ได้ มันอยู่ที่ใจเราเอง ถ้ายิ่งคิดมันก็ลืมไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้นเหตุของปัญหาทุกอย่างมันอยู่ที่ใจเราเอง
การลืมใครสักคนมันไม่ได้ง่ายหรอก แต่สำหรับเราถ้าผิดหวังเสียใจไม่ถึงสัปดาห์ เป็นเพราะเรามักจะเผื่อใจ
สำหรับเรื่องนั้นๆไว้เสมอ ไม่เคยคิด ไม่เคยฝันเกินร้อย หรือเกินความจริง เพราะฉะนั้นเสียใจไม่เคยนาน
ถึงแม้เรื่องนั้นมันจะมีค่าสำหรับเรามากมายแค่ไหนก็ตาม รับรองว่า ลืมได้แน่นอน และอย่าไปกวนตะกอนให้มันขุ่นขึ้นมาอีก
การเผื่อใจไว้มันทำให้เราไม่เจ็บมากนักเมื่อเราผิดหวัง ทุกวันนี้ก้ยังเผื่อใจในทุกๆเรื่อง
เพราะไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้อะไรมันจะเกิด คนเจอหน้ากันดีๆพรุ่งนี้ต้องจาก รักกันดีๆพรุ่งนี้ต้องเลิก
วางแผนไว้เกิดยกเลิกกระทันหัน เห็นม่ะทุกอย่างไม่แน่นอน
สุดท้ายจะจบด้วยข้อความนี้ที่เราเตือนใจประจำ
เราคือคนสำคัญเหลือเกินของครอบครัว แต่ต้องไปเป็นคนที่ไม่ค่อยมีคุณค่า
ของใครก็ไม่รุ้ ที่เราเชื่อตลอดมาว่า เค้าสำคัญ เพื่ออะไร
สุดท้ายรักตัวเองและมารักเราดีกว่าเนอะ เพื่อนเนอะ
ปากกา
ช่วยนับหน่อยสิ ว่าปากกามีกี่ด้าม
แล้วรู้ไหมมันเกี่ยวข้องยังไงกับเรา
.
.
.
.
มันก็คือ ปากกาทั้งหมดที่เราใช้ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งถึงปีสี่
เราเก็บไว้ทุกด้าม เพราะด้ามนึงหลายบาท แถมยังสวยๆทั้งนั้น
เราชอบใช้ปากกายี่ห้อนี่ คือ Beshall เส้นผ่านศุนย์กลางประมาณ 0.38 ซึ่งเราชอบปากกาหัวเล็กๆ
ปากกาหัวใหญ่ๆทำให้เราเขียนไม่สวย และไอ้เจ้า Beshall มันหาซื้อยากอ่ะ ตอนเรียนเราต้องนั่งรถไปซื้อ
คาร์ฟูถึงจะมี ถ้าเป็นร้านเครื่องเขียนอื่นเนี่ยน่ะ ก็มีแต่ลายซ้ำๆ เราเลยต้องไปเลือกที่คาร์ฟูนี่แหละ
ถ้าเห็นว่าน้อยอ่ะน่ะ ที่จริงปากกาที่เราวางมันซ้อนกันสามชั้นน่ะ ตรงกลางน่ะ แต่พอถ่ายมาเห็นว่าน้อย
ตอนนี้ก็นังใช้อยู่ เวลาเจอก็จะซื้อเก็บเผื่อไว้ กลัวว่าไม่มีจะใช้
Truly Madly Deeply
แต่พอเริ่มแปลเนื้อเพลงออก จึงรู้ว่าเพลงนี้ความหมายโรแมนติกจริงด้วย ก็ประมาณว่า ฉันน่ะรักเธออย่างจริงใจ คลั่งไคล้ และลึกล้ำ โดยเฉพาะท่อนที่ว่า I love you more with every breath truly madly deeply do หว๊าน หวาน
เพลงนี้เป็นของ Savage Garden เจ้าพ่อเพลงแนวนี้เลย ประมาณว่าเพลงพวกเค้าเนี่ย โรแมนติกมาก
อีกหลายๆเพลงก็เหมือนกัน แนวเดียวกันเลย ทั้งเสียงคนร้องและดนตรี เคลิ้มได้เลยเนี่ย
Savage Garden Truly Madly Deeply Lyrics
I'll be your dream, I'll be you wish I'll be your fantasy
ฉันจะเป็นความฝัน ความปรารถนา และจินตนาการของคุณ
I'll be your hope, I'll be your love be everything that you need
ฉันจะเป็นความหวัง ฉันจะเป็นความรัก จะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องการ
I love you more with every breath truly madly deeply do
ฉันรักคุณมากขึ้นทุกๆลมหายใจอย่างจริงใจ คลั่งไคล้และลึกล้ำ
I will be strong I will be faithful 'cause I'm counting on
ฉันจะแข็งแกร่ง ฉันจะรักษาสัจจะ เพราะว่า ฉันกำลังนับเวลาถึง
A new beginning
การเริ่มต้นครั้งใหม่
A reason for living
เหตุผลสำหรับการดำรงอยู่ต่อไป
A deeper meaning
และความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น
I want to stand with you on a mountain
ฉันอยากที่จะยืนเคียงข้างคุณบนภูเขาอันสูงใหญ่
I want to bathe with you in the sea
ฉันอยากที่จะแหวกว่ายกับคุณในท้องทะเล
I want to lay like this forever
ฉันอยากให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป
Until the sky falls down on me
จนกว่าท้องฟ้าจะโรยรา
And when the stars are shining brightly in the velvet sky
และเมื่อดวงดาวส่องแสงสว่างสดใสในท้องฟ้าสีกำมะหยี่
I'll make a wish send it to heaven then make you want to cry
ฉันจะเอ่ยคำอธิษฐานแล้วส่งมันไปที่สวรรค์ และ ทำให้คุณอยากร้องไห้
The tears of joy for all the pleasure in the certainty
น้ำตาแห่งความปิติ สำหรับความสุขที่มั่นคง
That we're surrounded by the comfort and protection of
ที่อยู่รอบๆตัวเรา ด้วยความอ่อนโยนและการปกป้องจาก
The highest powers In lonely hours The tears devour you
ความรัก แม้ในชั่วเวลาที่โดดเดี่ยว และเต็มไปด้วยน้ำตา
[ Repeat ** ]
Oh can't you see it baby ?
โอ คุณเห็นมันหรือไม่ ที่รัก ?
You don't have to close your eyes
คุณไม่จำเป็นที่จะต้องหลับตาลง
'Cause it's standing right here before you
เพราะว่ามันอยู่นี้ที่ตรงหน้าของคุณ
All that you need will surely come
สิ่งทั้งหมดที่คุณต้องการนั่นจะมาถึงอย่างแน่นอน
[Repeat *, **, **]
ไงหวานไหมล่ะ..............
วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2552
บันทึกน้ำตา 1 ลิตร
วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552
เพื่อนสนิท ( เขาไม่ได้คิดอะไรกับตัวเองเลยน้า )
ก็ไม่เคยเปิดเผยใจ ด้วยกลัวต้องเสียใจ กลัวเสียเธอ
ปิดบังอยู่ตั้งนาน จนมันอัดอั้นใจ ยิ่งเราใกล้ชิดกัน ยิ่งหวั่นไหว จะสบตา กลับหลบตาเธออยู่เรื่อยไป
หากเป็นใครไม่ใช่เธอ สักวันอาจได้รู้ถ้าบอกไป แต่เป็นเธอที่คุ้นเคย ก็เลยต้องยับยั้งต้องชั่งใจ
จบแว้ว วววววววววววววววววววว
เบื้อหลังการถ่ายทำ
วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2552
มอเตอร์ไซด์ ฮ่าง
วันนี้ อยากเข้าเมืองไปหลิ่วตาตาม
แต่ปัญหามีอยู่ว่า รถที่เราใช้ประจำเอาไปเข้าอู่นี่ เจ้าลูพ่อก็เอาไปใช้ อีกคันพี่ก็เอาไป ทำงายล่ะ
อยากไปเที่ยวนี่ ฮึๆๆๆ ไม่ใช่ปัญหา ติดรถพ่อไป แต่เวลาจะไปเที่ยวในเมืองอ่ะ ทำไงล่ะ ไม่มีรถ
ถามพ่อว่า ที่ธนาคารอาเยาะอ่ะ มีมอไซด์ให้ยืมป่ะ ไม่อยากขึ้นตุ๊กๆเด่วเสียหลายบาท เปลืองตังค์
พ่อบอกมีดิ ไปเด่วไปเอาให้ เราก็ดีใจ 555555 มีรถขี่แล้ว
ระหว่างทางนั่งไปกับพ่อ มอไซด์เบรกกะทันหัน พ่อเหยียบร้อยกว่า เบรคเอี็ยดดดดดดด เราก็พลอยตกใจไปด้วย พ่อบอกว่า ไม่ต้องกลัวหรอก เบรค ABS กลัวแต่ด้านหลังมาชนตูดเท่านั้นแหละ
พอไปถึงในเมือง พ่อก็ไปเอารถมาให้ เราก็เดินตามไป และแล้ว ................ มอไซด์ที่เราได้คือ ยามาฮ่า RC jet cooled สีน้ำตาล 5555555555555 โหย เก๋ามากเลย แค่สตาร์ตก็กินขาดแล้ว เสียงเนี่ยเหมือนรถแข่งเลยอ่ะ
ขับออกมาจากโกดังที่เก็บรถของธนาคาร เท่ห์มากเลย ผู้หญิงสวยๆ แต่งตัวดีๆ ถือกระเป๋าหรู กับมอไซด์ RC โอยไม่อยากบรรยายเลย น้องที่ไปด้วยหัวเราะแล้วบอกว่า กำลังจะบอกเลยว่า ให้เอา RC ไม่เอารถเวฟ
ดีน่ะที่อาเยาะให้ RC รถคันนี้ทำให้ผู้ชายหลายๆคน หันมาบอก แถมยังส่งยิ้มให้อีก อาจเป็นเพราะว่า เสียงรถที่ดัง และตัวดิฉันเอง ที่สวยแต่มานั่งรถ RC ให้เขาได้ขำกัน ไม่ถือค่ะ สบายๆ เท่ห์ซะอีก ไม่สนด้วยใครจะทำไม เขาคงคิดว่าผู้หญิงเดี๋ยวนี้ต้องนั่ง คลิก หรือไม่ก็ ฟีโน่ เท่านั้น 655555555
ไปๆมาๆน้องชักเสียวกับการขับของเรา เพราะเราชินกับขับรถมากกว่าถ้าเป็นในเมือง เลยเปลี่ยนมือคนขับ
ตอนไปละหมาดที่ มอ ขาออกต้องคืนบัตรให้ยาม แต่เราควักกระเป๋าช้า เลยติดแง็กตรงนั้น เร่งนำ้มันไม่ขึ้น
ยามก็หัวเราะ บอกว่าถอดเกียร์สิน้อง 55555555
สนุกดีค่ะ ขี่รถแบบนี้เท่ห์ไปอีกแบบบ คราวหน้าเอาอีก จะเอารถไปแล้วไปจอดทิ้งที่ธนาคาร เอามอไซด์ไปแทน 55555555555555
เคยถามเพื่อนที่เป็นชาวอีสานว่า ฮ่าง แปลว่าอะไร แปลว่า เก่าค่ะ
วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2552
เพราะร่มแท้ๆ
วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2552
เกมส์ทำอาหาร
ต่อจากนั้นก็จะเป็นเมนูตามที่ต้องการ ถือว่าเป็นเกมส์ฝึกทำอาหารอย่างหนึ่ง แต่ส่วนมากเมนูจะเป็นอาหารฝรั่งซะมากกว่า ลองเล่นดูน่ะ
เกมส์ทำขนมเค้กคัพ http://www.j-doramanga.com/playgame.php?id=1327
เกมส์ทำคุกกี้ http://www.j-doramanga.com/playgame.php?id=1321
เกมส์ทำไก่งวง http://www.j-doramanga.com/playgame.php?id=1295
เกมส์ทำไข่ http://www.j-doramanga.com/playgame.php?id=1404
เกมส์ทำช็อคโกแลต http://www.j-doramanga.com/playgame.php?id=1411
เกมส์ทำซูชิ http://www.j-doramanga.com/playgame.php?id=1351
เกมส์ทำปลาแซลมอลราดซอส http://www.j-doramanga.com/playgame.php?id=1263
แค่นี้ก่อนล่ะกัน เกมส์นี้บางเมนุสามารถนำไปทำได้จริงๆ ถือว่าเกมส์นี้เป็นเกมส์ที่สอนทำอาหารอย่างแท้จริง
คำเตือน ผู้ชาย และ คนที่ไม่พิศมัยในการทำอาหาร ห้ามเล่นเด็ดขาดค่ะ
สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
เป็นโฆษณาเกี่ยวสารคดีของเนชั่นแนลจีโอกราพฟิค ซึ่งทำเรื่องนี้เป็นตอนๆ ดูรูปแล้วน่ากลัวจังและน่าสนใจเกี่ยวกับ แผ่นโฆษณาแห่งนี้ เลยลองเข้าไปดู ซึ่งมันก้คือดีวีดี เรื่องสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ซึ่งเราเคยได้ยินบ่อยๆแต่ไม่สนใจเท่าไหร่ พอดุภาพโปสเตอร์ก็เลยสนใจขึ้นมา เลยเอาเขียนในบล้อกเผื่อใครสนใจอยากลองไปหาดูบ้าง ก่อนดูก็ต้องรู้จักกันก่อนว่า มันคืออะไร
เรือเดินทะเลที่หายสาบสูญไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดานั้น ส่วนมากจะเกิดขึ้นในบริเวณที่เรียกว่า "ทะเลซากัสโซ" และ สาเหตุที่ท้องมหาสมุทรแห่งนี้มีนามว่าทะเลซากัสโซ ก็เพราะอาณาเขตบริเวณแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วย สาหร่ายทะเลชนิดหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า สาหร่ายซากัสซั่ม โดยสาหร่ายชนิดนี้เป็นอุปสรรคต่อการเดินเรืออย่างยิ่ง และเหตุ เหตุการณ์ประหลาดลึกลับทางทะเลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่โบราณกาล มักจะมีต้นตอมาจาก ทะเลซากัสโซเสียเป็นส่วนมาก ชาวฟีนีเชียนโบราณที่เคยใช้เรือเดินทางผ่านท้องทะเลมหาภัยแห่งนี้มา ตั้งแต่หลายพันปีก่อน ได้บันทึกปรากฏการณ์ประหลาดต่าง ๆ ไว้เป็นจำนวนมาก
ท้องทะเลซากัสโซ่ มีอาณาเขตบริเวณกว้างใหญ่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแอ๊ตแลนติค บริเวณแห่งนี้จะเต็มไปด้วย สาหร่ายทะเลลอยฟ่องเต็มไปหมด - เมื่อตอนที่โคลัมบัสแล่นเรือผ่านท้องทะเลแห่งนี้เป็นครั้งแรก กลาสีเรือต่างตื่นเต้นที่คิดว่าเรือคงแล่นเข้าใกล้ฝั่งแห่งใดแห่งหนึ่งเข้าไปแล้ว แต่แม้จะแล่นเรือต่อไปอีกนาน อาณาเขตของ สาหร่ายแห่งนี้ก็หาหมดลงไปไม่ อีกอย่างหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ประจำของทะเลซากัสโซ คือ ภูเขาทะเล โดย ภูเขาทะเลก็คือภูเขาที่อยู่ใต้พื้นน้ำ แต่มีส่วนยอดแบนราบโผล่ขึ้นมาเหนือพื้นน้ำเล็กน้อย มองดูคล้ายเกาะ แต่ไม่มีพืชพันธ์ใดๆ นอกจากตระใคร่น้ำเกาะอยู่เท่านั้นทะเลซากัสโซไม่เพียงแต่เป็นท้องทะเลที่เต็มไปด้วยสาหร่ายยากแก่การเดินเรือ เท่านั้น แต่กิตติศัพย์ในความน่าสะพรึงกลัวของมันได้ถูกกล่าวขานกันอยู่เสมอ บ้างก็ให้เชื่อว่าเป็นทะเลแห่งความหายนะ หรือสุสานของเรือเดินสมุทรบ้างก็ว่าเป็นที่สิงสถิตของภูติผีปีศาจทะเล หรือสัตว์ร้ายดึกดำบรรพ์ เรื่องราวต่าง ๆ ที่พวกชาวเรือชอบนำมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับท้องทะเลจำนวนนับไม่ถ้วนก็คือ เรือจะถูกยึดนิ่งสงบรวมอยู่ในใจกลางของทะเลซากัสโซ่ ตั้งแต่สมัยการการเดินทางโดยทะเลของพวกฟินีเชียน ไวกิ้ง โรมัน หรือแม้แต่เรือต่าง ๆ ในสมัยกลางของยุโรป พวกเหล่านี้เชื่อว่าเรือเหล่านี้ลอยกองรวมกันพร้อมด้วยสมบัติมหาศาลที่ บรรทุกอยู่เหตุที่ไม่จมเพราะมีสาหร่ายจำนวนหนาแน่นรองรับอยู่ข้างใต้ มนุษย์ผู้พบท้องทะเลแห่งนี้เป็นพวกแรกเข้าใจว่าจะต้องเป็น พวกฟินีเชียนและพวกคาร์ธายิเนียนโบราณ ก็เพราะเป็นเวลา หลายพันปีแล้วที่พวกนี้เดินทางข้ามมหาสมุทรแอ๊ตแลนติคสู่อเมริกาหลักฐานที่ปรากฏคือ รอยแกะสลักบนแผ่นหินของพวกฟินีเชียน ที่พบอยู่ในประเทศบราซิลขณะนี้ และศิลาจารึกในสุสานฝังศพของ พวกคาร์ธายิเนียน เมื่อราว 500 ปี ก่อนคริศศักราชระบุว่า
เหนือท้องทะเลแห่งนี้มีแต่ความอ้างว้างเงียบเหงา คล้ายกับสุสานใหญ่ที่มองจรดขอบฟ้าไปทุกด้าน ไม่มีแรงลม พอที่จะพัดพาเรือให้แล่นไปได้ ใต้พื้นน้ำเต็มไปด้วย
สาหร่ายทะเลอย่างหนาทึบ ซึ่งยึดเรือทั้งหลายให้หยุดนิ่งอย่างกับกำลังมหาศาลของหนวดปลาหมึกยักษ์ ท้องทะเลบางแห่งก็ตื้นเขินซึ่งเป็นที่อาศัยของสัตว์ประหลาด
มหึมาหลายสิบชนิด และบางครั้งมันก็ว่ายน้ำ เข้ามาทำลายเรือทั้งลำให้กลายเป็นผุยผงไปในพริบต
ความลี้ลับของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นอาณาบริเวณส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอ็ตแลนติคภาคตะวันตก พื้นที่ทั้งหมดเริ่มจาก ตอนเหนือของเบอร์มิวดาไปถึงตอนใต้ของรัฐฟลอริดา-และจากฟลอริดามุ่งตรงไปทางตะวันออกทำมุมสี่สิบองศากับเส้นรุ้ง ผ่านบาฮามัสและเปอร์โตริโก จากนั้นก็ย้อนเฉียงกลับไปสู่ทางใต้ตอนเหนือของเบอร์มิวดาอีกซึ่งทำให้อาณาบริเวณแห่งนี้ กลายเป็นรูปสามเหลี่ยม และอาณาบริเวณรูปสามเหลี่ยมแห่งนี้เองที่เป็นแหล่งกำเนิด ปรากฏการณ์ อันลี้ลับ มหัศจรรย์ขึ้น ในยุคอวกาศของชาวเรา ในปัจจุบันเป็นสิ่งลึกลับและเหลือเชื่อหากจะบอกท่านว่า เริ่มตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี ค.ศ. 1945 มาจนถึงปัจจุบัน เครื่องบินจำนวนกว่า 100 เครื่อง และเรือเดินสมุทร จำนวนอีกมากหลายได้ หายไปในบรรยากาศ และพื้นทะเลของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแห่งนี้โดยไม่มีร่องรอย ชีวิตมนุษย์จำนวนพัน ในระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา ได้หายไปพร้อมกับ พาหนะโดยไม่มีซากศพ แม้แต่รายเดียว หรือเศษชิ้นส่วนใดๆของเรือ หรือเครื่องบินที่หายไปเหลือให้เห็น การหายสาบสูญของเรือ เครื่องบิน และชีวิตมนุษย์ ในบริเวณดินแดนสามเหลี่ยม เบอร์มิวดายังคงปรากฏอยู่ต่อไป และมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ชาติต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสูญเสียเหล่านี้ ต่างก็พยายามดำเนินการค้นคว้า ก็หาสาเหตุแห่งปรากฏการณ์อันประหลาดและลึกลับนี้อย่างเร่งด่วน แต่ก็ไม่มีใคร สามารถบอกสาเหตุ และหาทางป้องกัน จากภัยที่เกิดขึ้นในบริเวณท้องทะเลแห่งนี้ได้ไม่
เครื่องบินที่หายไปเหนือพื้นทะเลแห่งนี้ ส่วนมากก่อนที่จะหายการติดต่อกับฐานปฏิบัติการณ์ หรือสถานีปลายทางเป็นไปอย่างปกติ และสภาพของบรรยากาศ และทัศนะวิสัย ก็สงบ และแจ่มใสดี ไม่มีวี่แววของพายุร้ายใดๆ แต่แล้ว เมื่อถึงบทจะหายเครื่องบินเหล่านั้นก็จะหายไปอย่างฉับพลันโดยไม่มีร่องรอย ซึ่งนักบินก็ไม่มีโอกาสที่จะแจ้งข่าว-ทาง วิทยุให้หน่วยควบคุม การบินทราบได้ แต่ก็มีเป็นจำนวนมากเหมือนกัน ก่อนที่เครื่องบินจะหายสาบสูญ นักบินมีเวลาพอที่จะแจ้งข่าวผิดปกติมายังฐานปฏิบัติการได้ ซึ่งทุก
รายต่างก็แจ้งตรงกันทั้งหมดว่า ไม่สามารถควบคุมกลไกต่างๆ ให้ดำเนินไปตามปกติได้ เข็มทิศประจำเครื่องจะหมุนปั่นไม่สามารถบอกทิศทางได้ ท้องฟ้าจะกลายเป็นสีเหลือง และมองดูคล้ายหมอกหนาทีบ ทั้งๆ ที่เป็นวันที่บรรยากาศแจ่มใส และแดดส่องจ้ามาก่อน และท้องทะเลซึ่งเงียบสงบ กลับปั่นป่วน ขึ้นมาโดยไม่อาจจะทราบสาเหตุได้
อุบัติการณ์ ลึกลับที่ไม่อาจให้คำอธิบายได้ เกี่ยวกับการสาบสูญของเรือเดินสมุทร และ เครื่องบินเป็นจำนวนมาก ในดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาก็ยังคงเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ได้ขาด จนกระทั่งในปัจจุบัน ทุกครั้งที่ได้รับรายงานการสูญหาย หน่วยยามฝั่งที่เจ็ด ของกองทัพเรือสหรัฐ จะทำการค้นหาร่องรอยอย่างละเอียดละออ แต่ก็ประสบความ ล้มเหลวที่จะพบพยานหลักฐานซึ่งจะนำไปสู่การไขปัญหาลึกลับนี้ได้ทุกครั้ง และในที่สุดกองทัพเรือสหรัฐก็ได้เก็บเรื่องเหล่านี ้ไว้เป็นความลับ ไม่ยอมเปิดเผยหรือให้คำวิจารณ์ใดๆ แก่ประชาชน ที่อยากรู้อยากเห็นว่า อุบัติการณ์ ลึกลับเหล่านั้น เกี่ยวข้องกับความอาถรรพ์ของดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาหรือไม่ แต่ทั้งๆ ที่กองทัพเรือสหรัฐพยา-
ยามจะปกปิด เรื่องราวเหล่านี้ไว้ ประชาชนทั่วไปก็เริ่มรู้ระแคะระคาย ต่างๆ และเชื่อว่า จะต้องมีแรงอาถรรพ์ หรือพลังอำนาจอันลึกลับ อย่างหนึ่งอย่างใด ภายในบริเวณ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาอย่างแน่นอน และยิ่งปรากฏว่าเมื่อเร็วๆนี้ได้มีข่าวรายงานว่ามีนักบิน และนักเดินเรือบางคนได้รอดชีวิตมาจากปรากฏการณ์สยองขวัญ ในดินแดนของสาม -
เหลี่ยมเบอร์มิวดา จึงทำให้ เกิดการฮือฮากันใหญ่ในขณะนี้ แต่อย่างไรก็ดีจวบจนกระทั่งบัดนี้หาได้มีผู้ใดที่สามารถให้คำอธิบายแจ่มชัด เกี่ยวแก่ความลึกลับ และความอาถรรพ์ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาได้ และการสาบสูญ ก็ยังคงปรากฏอยู่ต่อไป โดยไม่มีทางป้องกันหรือขัดขวางได้
วิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยหลักการ
ในบางกรณี หากวิเคราะห์ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการหาบสาบสูญของเรือเดินสมุทรและเครื่องบินในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา จะพบว่าหาเป็นเรื่องประหลาดลึกลับแต่อย่างใดไม่เพราะเครื่องบินแต่ละลำ เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับความกว้างใหญ่สุดคณานับของพื้นมหาสมุทรโลกแล้ว ก็เปรียบเสมือนฝุ่นละอองที่ล่องลอย อยู่ในห้องโถงใหญ่ น้ำในมหาสมุทรก็ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่มีการเคลื่อนไหว กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม มีอัตราความเร็วกว่าสี่ไมล์ต่อชั่วโมง
ในท้องทะเลนอกฝั่งบาฮามัสมีสิ่งแปลกประหลาดอยู่สิ่งหนึ่งที่นักประดาน้ำ มักจะพบเห็นอยู่บ่อย ๆซึ่งพวกเขาเรียกว่า "ปล่องน้ำเงิน" จะปรากฏอยู่ตามหุบผาใต้น้ำและ -
แหล่งหินประการัง มีลักษณะเป็นอุโมงค์หรือปล่องใต้ทะเล โดยทั่วไปเป็นที่อยู่ของปลาที่ไม่ค่อยได้พบกันที่ผิวน้ำ ปล่องเหล่านี้เชื่อว่า เกิดจากถ้ำหินประการังถูกกัดกร่อนด้วย -กระแสน้ำใต้ทะเลมาเป็นเวลานับหมื่นปี เคยมีนักประดาน้ำดำลงไป สำรวจปล่องต่างๆ นี้ พบว่าปล่องจำนวนมากต่างมีทางแยกออกไปในหลายทิศทาง ทำให้ปลาที่ว่ายวนอยู่ในนั้นเกิดสับสนถึงกับว่ายเอาครีบท้องขึ้นสู่เบื้องบน ยิ่งกว่านั้นยังพบว่ากระแสน้ำไหลเชี่ยวแรงเข้าสู่ส่วนลึกคล้ายถูกดูดด้วยกำลังอันมหาศาลซึ่งเป็นอันตราย ต่อนักประดาน้ำมาก และลักษณะการณ์เช่นนี้ทำให้น้ำบริเวณปากปล่องไหลวนเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดการหมุนเป็นกรวยเหนือพื้นน้ำในลักษณะของวังน้ำวน ซึ่งสามารถจะดึงดูดเรือเล็กพร้อมด้วยคนบนเรือ ลงสู่ก้นอย่างรวดเร็ว
อีกทฤษฏีหนึ่ง เป็นทฤษฏีเกี่ยวกับลมพายุทอนาโดซึ่งเกิดเป็นครั้งคราว จะกวาดเรือและเครื่องบิน ให้จมลงสู่ก้นมหาสมุทรได้ไม่ยาก พายุทอร์นาโดเป็นพายุหมุนปั่นเอาน้ำทะเลหมุนเป็นเกลียวสูงนับร้อยๆ ฟุตกลางอากาศและหากมันเกิดตอนกลางคืน เครื่องบินที่บินอยู่ระดับต่ำอาจถูกกระแทกตกลงสู่ทะเลได้ ก็เพราะนักบินไม่สามารถจะมองเห็นได้ในระยะไกล ส่วนเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่จมหายนั้น เชื่อว่าอาจจะเกิดจากกระแสคลื่นมหึมา ที่เป็นผลมาจากแผ่นดินไหวใต้ทะเลก็ได้ เพราะคลื่นที่เกิดจากปรากฏการณ์เช่นนี้จะมีความสูงร่วมร้อยฟุตเลยที่เดียว
ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่อาจเป็นอันตรายต่อเครื่องบินได้ คือ การผันแปรของอากาศอย่างทันทีทันใด ที่เรียกกันว่า "แค๊ท (Cat - clear air turbulenec)" โดยทั่วไปแล้ว "แค๊ท" จะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่อาจจะคาดคะเน หรือทำการพยากรณ์ได้เช่นเดียวกับลักษณะภูมิอากาศ โดยทั่วไปมันจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและทุกสภาวะอากาศ สาเหตุของปรากฏการณ์นี้ยังไม่ทราบกันแน่ชัด แต่เชื่อกันว่าหากมันเกิดขึ้นขณะที่กระแสลมพัดแรงและรวดเร็ว จะทำให้เกิดสูญญากาศบริเวณนั้นทันที ซึ่งหากเครื่องบินได้บินเข้าสู่บริเวณของมันก็อาจจะตกดิ่งสู่ทะเลได้ง่าย แต่อย่างไรก็ดี การผันแปรวิปริตของบรรยากาศทันทีทันใดในลักษณะเช่นนี้นั้น จะต้องไม่ใช่สาเหตุการหายสาบสูญ ของเครื่องบินทุกลำใน-บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นแน่ เพราะปรากฏการณ์ "แค๊ท" จะไม่เป็นผลต่อการทำงานของเครื่องวัดต่างๆ และระบบการติดต่อทางวิทยุบนเครื่องบิน แต่ทุกครั้งที่เกิดเหตุ จะปรากฏว่าการติดต่อทางวิทยุได้เงียบหายไป
การแปรผันของสนามแม่เหล็กโลก ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกได้เช่นเดียวกัน เพราะมันจะทำให้เกิดการผิดพลาดในการทำงานของเครื่องวัดระดับ และเข็มทิศประจำเครื่อง ในกรณีเช่นนี้นักบินไม่มีความสามารถพอก็อาจจะนำเครื่องบินดิ่งลงสู่มหาสมุทรได้ ยิ่งกว่านั้นปรากฏการณ์ต่างๆ ทางธรรมชาติอีกมากมายที่เราไม่อาจจะอธิบาย-หรือทราบสาเหตุของมันได้
นำข้อมูลมาจาก http://www.geocities.com/p_knun
วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2552
โลกแห่งความสวยงาม
หนังสือ Lovely planet ได้จัดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวโลกในด้านต่างๆ เอาไว้น่าสนใจมาก
มาดูกันเลย
เมืองที่มีวิวทิวทัศน์ช่วงชั่วโมงเร่งรีบสวยงามที่สุด
เรือเฟอร์รี่ข้ามท่าที่ซิดนีย์ฮาร์เบอร์ ของออสเตรเลีย
เวสป้าโรม อิตาลี
เวนิส อิตาลี
เรือด่วนเจ้าพระยาข้ามฟากของไทย ว้าว ติดด้วย
สตาร์เฟอร์รี่ ฮ่องกง
รถไฟใต้ดินที่โตเกียว ญี่ปุ่น
รถลากที่โอลด์เดลลี อินเดีย
ลอนดอนบริดจ์ อังกฤษ
เมืองที่ไม่คิดว่าน่าจะใช่เมืองหลวง เราคิดว่าเป็นเมืองหลวงแต่ไม่ใช่
ริโอเดอจาเนโร บราซิล เมืองเที่ยวที่ใหญ่โต เมืองหลวงคือ บราซิเลีย
ซิดนีย์ ออสเตรเลีย เมืองหลวงคือ แคนเบอร์รา ( เคยมีคนรู้จักจบจากที่นี่ด้วยล่ะ)
อิสตันบูล ตุรกี แต่เมืองหลวงคือ อังการา
โอคแลนด์ นิวซีแลนด์ แต่เมืองหลวงคือ เวลลิงตัน (เคยมีนักเรียนแลกเปลี่ยนมาจากที่นี่ด้วยล่ะ)
เคปทาวน์ แอฟริกาใต้ เมืองหลวงคือ พริทอเรีย
โตรอนโต แคนาดา เมืองหลวงคือ ออตตาวา
มุมไบ อินเดีย เมืองหลวงคือ นิวเดลี
แคนเบอร์รา
ความโกรธํเคือง มิลเน อิตาลี แฟนบอลที่นี่จะอารมณ์รุนแรง
ความอิจฉา โตเกียว ญี่ปุ่น เมืองที่มีของแพงเป็นอันดับต้นๆ
ความขี้เกียจ หมู่เกาะคาริบเบียน เมืองที่ปล่อยเวลาให้ไหลไปเรื่อยๆสบายๆ
ความใคร่ อัมสเตอร์ดัม มีเซ็กซ์ช็อบและการขายบริการทางเพศ
ความภูมิใจ ลอสแองเจลิส เมืองที่ผู้คนทำพลาสติกบนใบหน้ามากกว่าจำนวนต้นปาล์ม
เมืองที่ผู้คนชอบถูกมอง เบเวอร์รี่ฮิลล์ และ ฮอลลีวูด เพราะอยู่ใกล้ดารา
ความบริสุทธิ์ อยู่ที่ วาติกัน โรม เพราะเต็มไปด้วยโบสถ์