วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

RaMaDon






เข้าวันที่ห้าแล้วน่ะ ที่ปอซอมา

กำลังคิดว่าทำไมมันถึงได้ผ่านไปเร็วเช่นนี้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนเราคิดว่า แต่ละวันผ่านไปช้ามาก

แต่ตอนนี้ปุ๊ปปั๊บ ก้ห้าวันแล้ว นั้นสิทำไมมันถึงเร็ว

ที่เร็วเพราะทุกวันนี้ เราอาจจะไม่ได้เอาชีวิตไปผูกกับใคร

ใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่ได้รอคอยใคร เวลาผ่านไปจึงรู้สึกว่า มันเร็วจัง

ทั้งๆที่งานท่วมหัว นอนไม่พอ เรานึกว่าจะแฮงค์ที่โรงเรียนซะแล้ว

ที่ไหนได้ยังมีแรงฟาดนักเรียนอีกเยอะแยะ กลับมาก็ไม่ค่อยรู้สึกเหนื่อย ถึงแม้ต้องกลับมาทำกับข้าว

เนี่ยแหละน่ะ ถ้ารู้จักปล่อยวาง ปล่อยชีวิตให้มันไหลตามเวลา เราก็จะรู้สึกว่า ชีวิตมันง่ายจัง




มีผู้ใหญ่บางคนบอกเราว่า รอมฎอนปี้นี้เก็บเกี่ยวความดีให้มาก ไม่แน่ว่าปีหน้าเราจะได้เจอกับรอมฏอน


อีกรึป่าว ฉันก็คิดว่าใช่ เพราะชีวิตฉันตอนนี้แขวนไว้บนความเสี่ยงทุกวินาที..ง





ขอให้ตักตวงความดี และความสุข ในเดือนรอมฏอนกันให้มากๆ น่ะค่ะ ( ^_^ )

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ที่ทำไปมันผิดรึป่าว

เรื่องมันมีอยู่ว่า



วันนั้นเรากับพี่กำลังยืนต่อแถวเพื่อที่จะจ่ายเงินของในรถเข็นในห้างแห่งหนึ่ง ขณะที่กำลังรอก็มีสาวคนนึงคาดว่าอายุมากกว่าเราประมาณสองสามมปี เดินมา ถือรองเท้าแตะมาคู่นึง พร้อมทั้งยิ้มน้อยๆถามเราว่า

ฝากจ่ายให้หน่อยได้ไหม พี่เราไวกว่า ตอบไปว่า ไปเข้าแถวจ่ายเองสิ ว่าแล้วสาวคนนั้นจากยิ้มแป้นก็กลายเป็น หน้ามู่ทู่ เหมือนกระดาษยับๆ แล้วเดินออกไป พี่ฉันเลยพุดว่า



อะไรกัน ซื้อของแล้วจะมาเข้าแถวรอจ่ายเองไม่ได้ ถ้าจ่ายเองไม่ได้ก็ไม่ต้องซื้อ ทุกคนเค้าก็เข้าแถวทั้งนั้น

ตัวเองเห็นแก่ตัว จะฝากให้คนอื่นจ่าย



แล้วฉันก็ชำเลืองดูคนก่อนหน้าเรา เค้าซื้อของเพียงอย่างเดียวเหมือนกัน แต่เค้าก็เข้าแถวรอจ่ายเงินโดยที่เค้าไม่ได้ไปฝากให้คนอื่นจ่าย



ฉันก็คิดว่าที่ฉันทำไปมันผิดหรือป่าว อาจจะผิดในฐานะที่ไม่ช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมด้วยกัน



ช่วยเหลือหรอ คำนี้มันน่าจะใช้กับคนที่ลำบาก แต่คนนี้ลำบากที่ไหน แขนขาก็ไม่ได้ขาด บ้านไม่ได้ยากจน

เห็นแก่ตัวต่างหาก ไม่อยากรอนานเลยเลือกคนที่ใกล้ๆวานให้จ่ายหน่อย



แต่อีกแง่นึง มันก็จะไปส่งเสริมความเห็นแก่ตัวของคนบางคนให้มากขึ้น ในภาพรวมคนอื่นเขาก็มองคนมุสลิมเป็นคนที่ไม่ดีอยู่แล้ว พอมาทำแบบนี้อีก คนอื่นก้ยิ่งมองไม่ดีกันใหญ่ เหมือนกับส่งเสริมกัน



พอเธอจ่ายเสร็จ คุณเธอก็เดินไปหาสามีเธอพร้อมทั้งทำหน้าทำตา เดาว่าน่าจะเล่าเรื่องของเรา เพราะจุดที่เราจ่ายตังค์ มันตรงกับที่สามีเธอนั่ง ทำหน้าทำตาเล่าไป เราเดาออกเพราะสายตามันฟ้อง สุดท้ายเราเดินไปใกล้แล้วพูดว่า หน้าไม่อาย รู้จักกันก้ไม่รู้จัก เอามาให้จ่ายหน้าตาเฉย แถมยังเอาเรื่องแย่ๆของตัวเองไปเล่าให้สามีฟังอีก แบงัง...............................................

ไม่น่าไปสงสารมันเลยรู้งี้ น่าจะด่าเปิงอีกรอบ

เรื่องที่สอง ...

วันนี้คาบที่ฉันสอน นักเรียนมันพูดมาก ฉันเลยบอกว่า งั้นครูไม่สอนแล้วให้เธอเขียนเยอะๆ สงสัยเธอคงชอบเขียน พอลงมือเขียนปุ๊บ มีนักเรียนขออนุญาตไปกินน้ำ สี่คน ฉันเลยบอกว่า ให้เวลาสองนาที ถ้ายังไม่ขึ้นมา โดนดีแน่ ผ่านไปสองนาที ก็ไม่ขึ้นมา ก็เลยลงไปตาม เห็นพวกมันนั่งทอยลูกแก้วกับเด็ก ป.สอง
ไม่อยากพูดมากจึงกวักมือขึ้นมา
พอขึ้นมาได้ ก็จับหนังสือเล่มนึง มาม้วนๆๆๆๆๆ แล้วถามนักเรียนว่า

มนุษย์ตัวไหนบอกว่าจะไปกินน้ำเมื่อกี้ แล้วไปทำบ้าอะไรตรงนั้น
เห็นว่าฉันใจดีใช่ไหม ป๊าบ
พวกเธอก็เลยเหลิง ปีาบ
ไม่รู้จักว่าใครครูใครนักเรียน ป๊าบ
โกหกฉันได้หน้าด้านๆ ป๊าบ
โดนไปทั้งหมด สี่คนด้วยกัน หลังจากนั้นพวกนั้นนั่งเงียบทำงานจนเสร็จเรียบร้อย
ฉันจึงส่งท้ายว่า ทีหลังห้ามโกหก ถ้าฉันจับได้ ฉันเอาหนักแน่

ฉันทำไปมันผิดหรือป่าว
ฉันไม่ได้แค้นใจตีเล่นๆ แต่ไม่ชอบที่พวกมันหลอกฉัน โกหกฉัน แถมยังมาล้อเลียนอีก
เรียกว่าพวกนี้มารยาทมันหดหายไปหมด เลยสั่งสอน ซะหน่อย เพราะฉันเป็นครูที่ใจดีเกินไป
นักเรียนมันเลยเหลิง
ฉันอาจผิดในเรื่องที่ฉันไปตีลูกคนอื่น เพราะบางคนพ่อแม่เค้ายังไม่เคยตีเลย
แต่ฉันอาจทำถูกในเรื่องหน้าที่ของครูก็ได้ จริงม่ะ

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เปลี่ยนโหมดตัวเอง


ตอนนี้ฉันกำลังสับสนว่าตัวเองมีสถานะเป็นอะไร แต่ละวันฉันต้องเปลี่ยนโหมดตัวเอง กดสวิตช์ไปมาเพื่อ


เปลี่ยนตัวเองไปเป็นอีกบทบาทนึงตลอดเวลา พอๆกับการที่ฉันต้องโอนสายมือถือจากอีกเบอร์นึงไปเป็นอีก


เบอร์นึงพอจะไป รร


ตื่นเช้าขึ้นมา ฉันก็ต้องกดสวิตช์เปลี่ยนโหมดตัวเอง แต่ฉันจะเรียดโหมดนี้ว่าอะไรล่ะ แม่บ้าน ภรรยา หรือลูก


สาว น้องสาว ดีล่ะ ที่ต้องคอยมาจัดการอาหารเช้าให้เสด็จพ่อ เสด็จพี่ และพระเจ้าหลานเธอทั้งสอง ฉันไม่รู้


เหมือนกันว่า ทำไมต้องเป็นหน้าที่ฉัน แต่ฉันจะหมดหน้าที่โดยทันทีที่ฉันรู้ว่าวันนี้พ่อฉันถือศีลอด ก็จะลอย


ชายไปมา รอเวลาอาบน้ำ และมีเวลาแต่งตัวมากขึ้น วันไหนพ่อฉันปอซอ ฉันจะสวยมากเป็นพิเศษเพราะมี


เวลาแต่งตัว ) หลังจากนั้น ก็จะกดสวิตช์เปลี่ยนโหมดไปเป็นคุณแม่จำเป็นของลูกๆทั้ง 7 ตัว คอยเอาข้าวให้


จนบางทีคุณแม่เอง ก้ไม่ได้กินข้าว เพราะเอาให้ลูกหมดๆ แล้วคุณแม่ก็นั่งร้องให้ ซึ้งใจที่ลูกๆกินข้าวซะ


เกลี้ยง


พอจะออกจากบ้านไปโรงเรียน ต้องกดสวิตช์เปลี่ยนโหมดใหม่อีกครั้ง คราวนี้หนักหนาสาหัสมาก เปลี่ยน


บทบาทไปเป็นคุณครู ที่ตอนแรกดูเหมือนว่าจะเป็นนางฟ้าแสนสวยผู้ที่ใส่เสื้อไปโรงเรียนตามสีของวัน แต่


หลังๆมา เริ่มจะกลายเป็นนางยักษ์เปลี่ยนสี ที่เสียงเริ่มแสบแก้วหู พอลงรถก็จะมีเด็กๆตาดำๆวิ่งมาแย่งเพื่อที่


จะถือกระเป๋าบางครั้งไม่ทันจอดรถดี มาเคาะกระจกป็อกๆๆๆๆ จะเอากระเป๋า หลังจากนั้นก็จะเป็นโหมดนี้


เรื่อยไปจนกระทั่งถึงเวลาเที่ยง ก็จะเปลี่ยนโหมดตัวเองไปเป็นน้องสาวที่น่ารักของพี่ๆ เฮอาเวลาพักและตอน


กินข้าว พอจะผ่อนคลายได้หน่อย เอ้า ต้องเปลี่ยนโหมดอีกแล้ว ไปเป็นคุณครู ที่ไม่โหดแต่ปากร้าย


ประมาณบ่ายสองสี่สิบ ก็เปลี่ยนโหมดกลับมาเป็น มาเรีย คนเดิม กลับมาถึงบ้านก็เปลี่ยนโหมดเป็นแม่ครัว


แม่บ้าน อีกแล้ว ทำกับข้าว ล้างจาน ทิ้งขยะ จนกระทั่งบางทีคนไม่รู้จักเราคิดว่า เราเนี่ยเป็นคนใช้บ้านนี้ โอ


วววววววววววว คิดกันได้เนอะ ประมาณห้าโมงเย็น คราวนี้ก็กลับไปเป็นตัวเองที่เป็นมาแต่เดิม บางทีก็


กลายเป็นเด็กเมื่อเล่น สไปเดอร์แมนกะหลาน หรือเล่นเกมส์ในเนต จนกระทั่งละหมาดมักริบ นี่แหละที่เป็นตัว


ตนเราจริง ๆๆ ระหว่างนี้เราไม่ต้องเปลี่ยนโหมดใดๆ สำหรับใครแล้ว ไงก็ ตื่นนอนพรุ่งนี้ก็ค่อยเปลี่ยนโหมด


ใหม่ล่ะกัน ไปล่ะ zzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzz

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

in today

ตอนนี้เราเริ่มรู้สึกว่า ไม่ค่อยมีเวลาให้ตัวเองเท่าไหร่ จะด้วยงานที่ยุ่งมาก เอกสารทั้งหลายแหล่

จนบางครั้งลืมนึกถึงสิ่งที่เราเคยทำ และสิ่งที่เราชอบทำที่สุด

หลายวันที่ผ่านมานี้ พอกลับจากโรงเรียน ตัวเองต้องมานั่งพิมพ์เอกสารที่ยังไม่ครบพร้อมกับบันทึกต่างๆที่

ต้องทำให้มันเป็นปัจจุบัน ไหนจะส่ง E-network บางครั้งก็ต้องเซฟหนังสือรับจากเขตไปให้ธุรการโรงเรียน

ที่ทำให้ไม่ได้พิศวาสอะไรหรอกน่ะ แต่ทำเพราะเห็นว่าเราเล่นเนตบ่อยและที่ รร เนตมันมาๆขาดๆ บางวันต่อ

เนตไม่ได้เลย ทำให้งานรับหนังสือไม่เดิน เราก็ไปเซฟให้เพราะยังไงมันก็งานของโรงเรียนเราเอง

จากการที่ต้องนั่งแหงกเป็นเวลานานๆ ทำให้เราลืมตัวของเราเอง ลืมสิ่งที่เราชอบทำมากที่สุด

หนังสือที่เราซื้อห้าเล่มเรายังไม่ได้อ่านเลย บางเล่มซื้อมาตั้งแต่สิงหาปีที่แล้วก็ยังไม่ได้เปิดอ่านเหมือนกัน

ลืมสิ่งที่เราชอบทำมากที่สุด คือ ปักครอสติช ซึ่งแต่ก่อนเราบ้าเอาการมาก เรียกได้ว่า ทำเสร้จปุ๊บต้องหา

รูปใหม่มาต่อทันที มันฝึกสมาธิเราได้มาก แต่ตอนนี้เราไม่มีเวลาจะไปหา หรือถ้าปักคงคาไว้แบบนั้นอีกนาน

กว่าจะเสร็จ

เราทำอะไรๆจนลืมนึกถึงตัวเอง ตอนนี้ปล่อยให้สิวขึ้นจนเหลือรอยดำให้จัดการต่อไป ปล่อยให้ผอมบักโกรก

เวลาสองเดือนน้ำหนักลดไปแล้วสี่กิโล แต่ก่อนอยู่ รร เก่า อุดมสมบูรณ์มาก น้ำหนักพุ่งมาอยู่ที่ 47 โล แต่มา

ตอนนี้ไปชั่งมาเหลือ 43 โล มิน่าล่ะช่วงนี้กางเกงใส่ไม่ค่อยอยู่เลยต้องเอาเข็มขัดมาช่วยตลอด และจากการ

ที่ผอมบักโกรก ก็เลยทำให้เรากลายเป็นคนเบื่ออาหารอย่างสมบูรณ์ ช่วงนี้ปฏิเสธอาหารทุกอย่าง คือรู้สึก

ว่าไม่อยากกิน ไม่อยากแตะต้อง นึกไม่ออกว่าจะกินอะไร ขนาดพี่เรายังถามเลยว่า แกกินอะไรบ้างล่ะวันๆนึง

ช่วงนี้ตอนเช้าก็ไม่ค่อยอยาก กินแค่นมกล่องนึง พอเที่ยงก้กินข้าวเที่ยงอ่ะแหละเพราะใช้พลังงานเยอะ

แต่พอตอนบ่ายกลับมาปั่นงานก็พึ่งกาแฟถ้วยนึง หรือชาเย็นถุงนึง กับลูกชิ้นสามไม้ก็ไม่กินอะไรแล้ว ขนาด

วันเสาร์วันนัดมีอะไรให้กินเยอะ แต่ตอนเช้าเรากินข้าว แต่ตอนเที่ยงไม่กิน แล้วบ่ายสามก้ไปหาขนมกิน

แล้วก็กาแฟถ้วยนึง แล้วก็ไปปั่นงานต่อ มันก็เลยเบื่ออาหารอย่างต่อเนื่อง จนคนบอกว่าเราท้องพลาสติก

แต่ชีวิตเราก็ยังมีความสุขนะ ยังสนุก หัวเราะ ขำ และยังสังสรรค์กับเพื่อนได้เหมือนเดิม ยังมีเวลาอยู่กับ

ครอบครัว ยังมีเวลาเล่นกะหลาน ยังไปเที่ยวได้ เพียงแต่เราไม่มีเวลาให้ตัวเองก้เท่านั้น